post

ทำไมทำธุรกิจการโรงแรมจึงต้องทำเว็บไซต์ SEO

การทำรีสอร์ตและการโรงแรมเป็นประเภทธุรกิจที่มีการแข่งขันกันสูง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีความผันผวนมาก และระบบเศรษฐกิจส่งผลทำให้การท่องเที่ยวลดน้อยลงโดยภาพรวม

นักธุรกิจกลุ่มการโรงแรมจึงจำเป็นต้องทำเว็บไซต์เพื่อให้มีโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และเป็นช่องทางประชาสัมพันธ์โปรโมชั่นห้องพักในวันต่าง ๆ ตามเทศกาลด้วย

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นเทคนิคการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ควบคู่กับการเสริมภาพลักษณ์ของโรงแรมได้ โดยนักธุรกิจการโรงแรมต้องให้ความสำคัญกับ 2 องค์ประกอบหลัก คือ

1. ส่วน On-Page SEO ได้แก่

การเลือก Keyword ที่เหมาะสม ตรงกับการสืบค้นของกลุ่มนักท่องเที่ยว เช่น รีสอร์ตของคุณเหมาะกับนักท่องเที่ยวกลุ่มใด วัยทำงาน เดินทางคนเดียว หมู่คณะหรือแบบครอบครัว คนไทยหรือชาวต่างชาติ จะต้องเลือก Keyword ที่เหมาะสมในการเขียนบทความและหัวข้อที่ดึงดูดใจให้คนเข้ามาคลิกชมเพจ

คุณภาพของบทความ ต้องเลือกทีมนักเขียนที่มีประสบการณ์ในการท่องเที่ยวเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนักท่องเที่ยวมักมองหาสถานที่แปลกใหม่ที่ใกล้กับโรงแรมที่พัก หากเลือกทีมนักเขียนที่ไม่สามารถผลิตเนื้อหาเชิญชวนให้รู้จักสถานที่ท่องเที่ยวได้ ก็จะทำให้การทำ SEO ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร (ทั้งนี้ ต้องไม่มีการคัดลอกข้อมูลจากแหล่งอื่น เพราะจะทำให้ถูกลดอันดับ SEO และเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย)

เลือกธีมสีตัวอักษร ออกแบบโลโก้ที่เหมาะสมกับเว็บไซต์ เพราะจะทำให้ลูกค้าจดจำสถานที่พักของคุณได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ ควรเลือกสีให้ความรู้สึกเป็นมิตรและเป็นกันเองกับนักท่องเที่ยว เช่น โทนสีอบอุ่น อย่างสีน้ำตาล สีครีม สีเขียว เป็นต้น

การสร้างสื่อหรือคลิปที่แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของห้องพักรีสอร์ต รวมถึงบรรยากาศทั้งภายในและโดยรอบของโรงแรม โดยต้องสอดคล้องกับ Keyword ที่เลือกใช้

2. ส่วน Off-Page SEO

เป็นการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ตามห้องสนทนาต่าง ๆ เช่น Pantip หรือ Facebook เพื่อให้ผู้ที่สนใจอ่าน ทั้งนี้ หากมีผู้ขอคำแนะนำสถานที่พัก คุณก็สามารถแปะลิงก์เว็บไซต์โรงแรม เพื่อให้เกิด Traffic มาที่เว็บไซต์ จะทำให้เพิ่มอันดับ SEO ในการค้นหาดีขึ้น และเพิ่มฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นด้วย

หากต้องการเพิ่มยอดจองห้องพักให้สูงขึ้นตลอดทั้งปี ควรเร่งศึกษาการทำ SEO และปรึกษานักพัฒนาเว็บไซต์หรือผู้ออกแบบเว็บไซต์ที่มีประสบการณ์ เพื่อการปรับปรุงให้เหมาะสมตามหลักเกณฑ์ของ Search Engine ทั้ง Bing, Yahoo และ Google แม้การทำ SEO ต้องใช้เวลาในการเห็นผล 6 เดือนถึง 1 ปี แต่ก็นับว่าคุ้มค่ากับผลที่ได้ในระยะยาว

จากที่กล่าวมา จึงสรุปได้ว่าการทำเว็บไซต์ SEO มีความสำคัญต่อเว็บไซต์การโรงแรม ให้ถูกจัดอยู่ในอันดับการสืบค้นที่ดีขึ้น ส่งผลต่อให้ธุรกิจการโรงแรมของคุณได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโฆษณา

ทำไมทำธุรกิจการโรงแรมจึงต้องทำเว็บไซต์ SEO

post

จะขายของออนไลน์ ต้องรู้จัก SEO

การทำ SEO เป็นเทคนิคการตลาดที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน สอดคล้องกับระบบเศรษฐกิจที่มีการซื้อขายผ่านทางอินเทอร์เน็ตหรือออนไลน์กันเป็นจำนวนมาก

การทำ SEO จึงเป็นช่องทางที่ผู้ขายสินค้าออนไลน์ยุคปัจจุบันต้องทำความรู้จัก เพื่อให้เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าและมีความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งทางธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization จะประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือส่วน On-page SEO และส่วน Off-page SEO

1. ส่วน On-page SEO เป็นการพัฒนาโครงสร้างเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานให้สะดวกสวยงาม เช่น การทำหน้าจอให้เป็นหมวดหมู่สินค้าอย่างเหมาะสม แยกพื้นที่โฆษณาให้ชัดเจน การเลือกสีที่สบายตาเป็นธีมของเว็บไซต์และเป็นเอกลักษณ์

การออกแบบฟอนต์ตัวอักษรที่ให้ความรู้สึกสอดคล้องกับแบรนด์สินค้า รวมถึงการใส่เนื้อหาหรือ Content ที่มีประโยชน์ต่อผู้ที่เข้ามาหาข้อมูลจากเว็บไซต์

2. Off-page SEO จะเป็นการสร้างลิงก์เพื่อเชื่อมโยงเว็บไซต์ของคุณกับเว็บไซต์ภายนอก ทำให้สามารถเพิ่มกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้เป็นจำนวนมาก เช่น การแนะนำเว็บไซต์ของคุณในห้องสนทนาที่เกี่ยวกับปัญหาการใช้สินค้าประเภทเดียวกับที่คุณจำหน่าย ซึ่งจะเกิดการขยายวงในโลกโซเชียลหรือมีการบอกต่อเว็บไซต์ไปเรื่อย ๆ หรืออาจจะเกิดจากบุคคลอื่นสร้างลิงก์มาสู่เว็บไซต์ขายสินค้าของคุณก็ได้เช่นกัน

การทำ SEO ให้เว็บไซต์ขายของออนไลน์ มีข้อดีหลายประการ ดังนี้

1. ทำให้ลดต้นทุนทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการโฆษณา การพัฒนาเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับระบบของ Bing, Yahoo หรือ Google ซึ่งเป็น Search Engine อันดับต้น ๆ ของโลกได้อย่างสม่ำเสมอ ทำให้คุณไม่ต้องเสียจ้างบริษัททำการโฆษณาประชาสัมพันธ์อีกหลายหมื่นหลายแสนบาทต่อเดือนเลยทีเดียว

2. ตัดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายแอบแฝงจาก Search Engine เนื่องจากการทำ SEO เพื่อให้มีอันดับสูงในหน้าต่างการสืบค้น ไม่สามารถที่จะทำการจ่ายเงินซื้อพื้นที่โฆษณาได้ ต้องมาจากการพัฒนาคุณภาพเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับระบบ SEO เท่านั้น จึงไม่มีการเรียกเก็บเงินจาก Search Engine ให้ต้องกังวลใจทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างแน่นอน

3. เพิ่มยอดขายได้ทวีคูณ จากลูกค้าเก่าและใหม่เนื่องจากเมื่อลูกค้าเก่าได้มีโอกาสเห็นเว็บไซต์ของคุณ จะเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมาได้

ส่วนลูกค้าใหม่ที่เห็นเว็บไซต์ขายสินค้าของคุณ ก็จะเป็นช่องทางเลือกใหม่ ๆ ในการซื้อสินค้า การทำ SEO เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัยทำให้คุณได้ลูกค้าทั้งสองกลุ่มนี้ จนเพิ่มยอดขายได้ชัดเจนในเวลาไม่นาน

จะเห็นได้ว่าการทำ SEO เป็นเทคนิคที่ให้ประโยชน์ได้หลากหลายช่วยประหยัดต้นทุนธุรกิจ เพิ่มลูกค้าควบคู่กับยอดขายได้ในเวลาเดียวกัน หวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกท่านเห็นข้อดีของการทำ SEO และรีบศึกษาเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ได้สูงสุด

การทำ SEO เป็นเทคนิคการตลาดที่ได้รับความนิยมมาก

post

รู้ได้อย่างไรว่าคีย์เวิร์ดใดยากง่ายในการทำ SEO

การทำ SEO นั้น เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ที่ต้องอาศัยประสบการณ์อย่างมาก หากคุณเป็นมือใหม่อยากทำ SEO ก็จะใจร้อนไม่ได้เลย เพราะต้องอาศัยการสังเกตและเผ้าติดตามอย่างอดทน และแน่นอนสิ่งที่คุณต้องเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างเลี่ยงไม่ได้ก็คือ คีย์เวิร์ด ต่าง ๆ นั่นเอง

คีย์เวิร์ดนั้นมีเป็นร้อยเป็นพันคำ แล้วคำไหนล่ะที่เหมาะสมที่จะนำมาทำ SEO ในบทความนี้เราจะมาดูกันก่อนว่าลักษณะของคีย์เวิร์ดที่ยากและง่ายนั้น เป็นอย่างไร

คีย์เวิร์ดที่ยากในการแข่งขัน

คีย์เวิร์ดที่ยากที่สุด คือ คำเดียว เช่น ดูดวง หางาน ฟังเพลง โหลดเกม หาเพื่อน ความรัก หวย ประกาศ คอนโด บ้าน หมา แมว เป็นต้น ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะใช้ในการค้นหาสิ่งที่ต้องการเหล่านี้ในแต่ละวันเป็นจำนวนครั้งที่สูงมาก หรือเป็นคีย์เวิร์ดที่อยู่ในวงการธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง เช่น ประกันชีวิต ประกันรถยนต์ เงินฝากดอกเบี้ยสูง เป็นต้น ซึ่งการทำ SEO ให้กับคีย์เวิร์ดเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะการแข่งขันสูงมาก ต้องใช้ทั้งเงินและเวลาในการสร้างเครือข่ายและเนื้อหาที่โดนใจคนอ่าน ต้องมีเนื้อหาใหม่ ๆ มาคอยอัปเดตและเป็นเนื้อหาที่ถูกต้อง มีความน่าเชื่อถือและได้รับการรับรองจากเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก จึงจะทำให้เว็บไซต์สามารถติดอันดับหน้าแรกด้วยคีย์เวิร์ดสั้น ๆ เพียงคำเดียวได้

คีย์เวิร์ดที่ง่ายในการแข่งขัน

ในทางตรงข้ามกับคีย์เวิร์ดที่ยาก คีย์เวิร์ดที่ง่ายก็คือมีจำนวนพยางค์มากกว่า มีคำมากกว่า ก็จะทำให้แข่งขันได้ง่ายขึ้นเพราะคู่แข่งน้อยลง หรือจะเรียกว่ามีความตรงกลุ่มเป้าหมายมากกว่า กล่าวคือเป็นนิชคีย์เวิร์ด (Niche Keyword) การใช้คีย์เวิร์ดลักษณะวลีหรือประโยค แบบ 2 คำ หรือ 3 คำ ก็จะมีความเจาะจงมากกว่า สื่อถึงสินค้าและบริการของคุณจริง ๆ เช่น เป็น คีย์เวิร์ด+ชื่อสถานที่ คีย์เวิร์ด+คุณศัพท์อื่น ๆ เช่น “รับจ้างเลี้ยงหมา รายวัน ราคาไม่แพง” หรือ “ซักแห้ง คลองเตย” หรือ “ร้านดอกไม้ ทิวลิป เอกมัย” คำเหล่านี้ดูจะเป็นคีย์เวิร์ดที่สามารถทำเงินได้ดีมากด้วย เพราะมีความเจาะจงมากกว่า

คีย์เวิร์ดที่ยากในการแข่งขัน

ในการเริ่มต้นนั้น คุณควรจะเริ่มจาก คีย์เวิร์ดที่ง่ายในการแข่งขันก่อน เพราะว่าใช้ระยะเวลาไม่นานเกินไป อีกทั้งง่ายต่อการติดอันดับหน้าแรกของ Google ด้วย เมื่อทำได้แล้วก็จะสร้างกำลังใจให้กับคุณว่าสามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งระหว่างที่ทำ SEO คีย์เวิร์ดง่าย ๆ มานั้น คุณก็จะได้เรียนรู้เพิ่มเติมและมีประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น รู้ว่าสิ่งใดทำแล้วเห็นผลสิ่งใดไม่เห็นผล ซึ่งจะเป็นความรู้เฉพาะตัวที่ไม่มีใครมาเอาไปจากคุณได้ หลังจากนี้ไม่ว่าจะเป็นคีย์เวิร์ดยากหรือง่าย คุณก็มีความมั่นใจที่จะลงมือทำ SEO อย่างไม่ย่อท้อแล้ว