post

10 เหตุผลที่ SEO ใช้ WordPress เพื่อสร้างเว็บไซต์

1.แพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย WordPress นำเสนออินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ซึ่งทำให้ง่ายต่อการจัดการและเผยแพร่เนื้อหา แม้ว่าผู้ใช้ที่ไม่มีประสบการณ์การเขียนโค้ดมาก่อนก็ตาม ความสะดวกในการใช้งานนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถมุ่งเน้นไปที่การสร้างเนื้อหาคุณภาพสูง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ SEO

2.คุณสมบัติ SEO ในตัว WordPress มาพร้อมกับคุณสมบัติในตัวหลายประการที่สามารถช่วยในการทำ SEO เช่น

-ล้าง URL: WordPress ช่วยให้คุณสร้างลิงก์ถาวรที่เป็นมิตรกับ SEO ซึ่งเป็น URL สำหรับแต่ละหน้าและโพสต์ของคุณ ลิงก์ถาวรเหล่านี้สามารถปรับแต่งให้รวมคำสำคัญที่เกี่ยวข้องได้ ทำให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น

-คำอธิบาย Meta: WordPress ช่วยให้คุณสามารถเพิ่มคำอธิบาย meta ลงในเพจและโพสต์ของคุณได้อย่างง่ายดาย คำอธิบายเมตาเป็นการสรุปสั้นๆ ที่ปรากฏในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERP) และสามารถใช้เพื่อดึงดูดผู้ใช้ให้คลิกบนเว็บไซต์ของคุณได้

-แท็กชื่อ: WordPress อนุญาตให้คุณตั้งค่าแท็กชื่อสำหรับเพจและโพสต์ของคุณ แท็กชื่อจะแสดงใน SERP และควรมีความชัดเจนและกระชับ สะท้อนถึงเนื้อหาของหน้าได้อย่างถูกต้อง

3.คลังปลั๊กอินที่กว้างขวาง WordPress มีคลังปลั๊กอินมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อช่วยในเรื่อง SEO ปลั๊กอินเหล่านี้สามารถช่วยคุณในงานต่างๆ เช่น

-การวิจัยคำหลัก

-การเพิ่มประสิทธิภาพในหน้า

-การตรวจสอบ SEO ทางเทคนิค

-การสร้างลิงก์ย้อนกลับ

4.ความเหมาะกับมือถือ: เครื่องมือค้นหาจัดลำดับความสำคัญของเว็บไซต์ที่เหมาะกับมือถือในการจัดอันดับ โดยทั่วไปแล้ว ธีม WordPress จะตอบสนองได้ ซึ่งหมายความว่าธีมจะปรับให้เข้ากับขนาดหน้าจอที่แตกต่างกัน ทำให้มั่นใจได้ว่าเว็บไซต์ของคุณดูดีและทำงานได้ดีบนอุปกรณ์ทุกชนิด รวมถึงโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต

5.ความยืดหยุ่น WordPress เป็นแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นสูงซึ่งสามารถปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการเฉพาะของเว็บไซต์ของคุณได้ สิ่งนี้ช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ที่ไม่เพียงแต่เป็นมิตรกับ SEO เท่านั้น แต่ยังดึงดูดสายตาและใช้งานง่ายอีกด้วย

6.โอเพ่นซอร์ส WordPress เป็นแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์ส ซึ่งหมายความว่าสามารถใช้และแก้ไขได้ฟรี สิ่งนี้ช่วยให้คุณควบคุมเว็บไซต์ของคุณได้มากและช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งตามความต้องการของคุณได้

7.ชุมชนขนาดใหญ่ WordPress มีชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนาขนาดใหญ่และกระตือรือร้น ซึ่งหมายความว่ามีแหล่งข้อมูลมากมายที่จะช่วยคุณเกี่ยวกับเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงบทแนะนำ ฟอรัม และกลุ่มสนับสนุน

8.การอัปเดตเป็นประจำ WordPress ได้รับการอัปเดตเป็นประจำด้วยคุณสมบัติใหม่และแพตช์ความปลอดภัย สิ่งนี้ช่วยให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณทันสมัยและปลอดภัยอยู่เสมอ

9.เวลาโหลดเร็ว เว็บไซต์ WordPress สามารถปรับให้เหมาะสมเพื่อให้โหลดเร็ว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการทำ SEO

10.ความสามารถในการปรับขนาด WordPress สามารถปรับขนาดได้เพื่อตอบสนองความต้องการของเว็บไซต์ของคุณ ไม่ว่าคุณจะมีบล็อกขนาดเล็กหรือร้านค้าอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ก็ตาม

สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าการใช้ WordPress เพียงอย่างเดียวไม่ได้รับประกันว่าคุณจะได้รับการจัดอันดับเครื่องมือค้นหาอันดับต้นๆ อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติของแพลตฟอร์มและระบบนิเวศที่กว้างขวางของปลั๊กอินและธีมสามารถทำให้ SEO ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

post

พลาดไม่ได้กับ SEO tools มาแรงสำหรับการตลาดปี 2023

อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า SEO นั้น เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการค้นเจอ และลำดับที่ในเสิร์ชเอนจิ้นให้กับเว็บไซต์ของคุณ ผ่านการค้นหาและวิเคราะห์เลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม โดยเชื่อมโยงเข้ากับลิงค์ที่จะเปิดไปสู่เว็บไซต์ของคุณ ดังนั้นฟังก์ชันของ SEO ส่วนที่สำคัญที่สุด ก็คือ ความสามารถในการสร้างคีย์เวิร์ดที่มีประสิทธิภาพในการเชื่อมโยงมากที่สุด ซึ่งจะนำไปสู่การดึงดูดการเข้าชมมากขึ้นของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย แต่หากว่าคุณคือหน้าใหม่ และคุณเพิ่งจะเริ่มเรียนรู้การใช้งาน SEO คุณก็อาจจะรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องยาก แต่โชคดีที่ตอนนี้เรามี SEO tools มากมายที่จะช่วยให้คุณสามารถทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ของคุณเองได้ไม่ยากจนเกินไปนัก

พลาดไม่ได้กับ SEO tools มาแรงสำหรับการตลาดปี 2023

ทำไม SEO tools จึงช่วยคุณได้ SEO tools จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายเมื่อคุณเริ่มต้นทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ของคุณ เนื่องจาก SEO tools จะสามารถทำงานในส่วนของการวิเคราะห์ค้นหาคีย์เวิร์ด และช่วยตรวจสอบเว็บไซต์ของคุณ พร้อมกับตรวจสอบลิ้งค์ในการเชื่อมโยง ในเวลาเดียวกัน ดังนั้นจึงเป็นการบูรณาการสามงานเข้าด้วยกัน คุณจึงประหยัดเวลาได้มากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า มาลองดูกันว่า SEO tools ที่มาแรงสำหรับปี 2023 ที่คุณสามารถนำไปใช้ได้นั้น มีอะไรบ้าง

1. Google Search Console

 เป็น SEO tools ที่เปิดบริการให้ใช้ฟรี เพื่อช่วยตรวจสอบและเช็คประสิทธิภาพของคีย์เวิร์ดหลักพร้อมทั้งรายงานสถานะของเว็บไซต์ของคุณ เพื่อที่คุณจะได้ทราบสถานการณ์รวมทั้งสามารถประเมินแนวทางการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้คุณยังสามารถได้รับคำแนะนำจากทีมวิจัยของ google เพื่อรับทราบข้อมูลการเข้าชมและความถี่ใน google search สำหรับคีย์เวิร์ดที่คุณเลือกใช้เพื่อโยงเข้าสู่หน้าเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งข้อมูลที่สำคัญเหล่านี้เองจะทำให้คุณสามารถปรับปรุงการค้นเจอของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง

2. Ahrefs

เป็น SEO tools ที่เน้นให้คุณทราบได้ว่าส่วนใดของเว็บไซต์ของคุณ ที่ได้รับการเข้าชมมากที่สุด คุณจึงสามารถจัดการออกแบบเว็บไซต์ หรือจัดทำดัชนีภาพรวมของหน้าเว็บไซต์ของคุณเอง ให้สอดคล้องกับวิสัยในการเข้าชมเนื้อหาของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ค่อนข้างตรงมากขึ้น เพราะคุณทราบว่าข้อมูลใดจะดึงดูดผู้ชมได้มากที่สุด

SEO tools จะช่วยให้คุณรวบรวมข้อมูลการเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงภาพรวมของการเข้าถึงเว็บไซต์ และนี่ไม่ใช่เป็นเพียงในแง่ของการเข้ารับชมเว็บไซต์เท่านั้นแต่ SEO ยังสามารถช่วยให้คุณเห็นข้อผิดพลาดต่าง ๆ อีกด้วย และนั่นก็หมายถึงคุณสามารถรับรู้ปัญหาในการเข้าถึงเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นข้อมูลในเชิงลึก ที่จะช่วยให้คุณปรับปรุงการเข้าถึงเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญยังสามารถเปรียบเทียบอันดับเว็บไซต์ของคุณ กับค่าเฉลี่ยของเว็บไซต์อื่นซึ่ง SEO สามารถแจกแจงให้คุณเห็นได้ คุณจึงสามารถรู้ตัวได้ว่า คุณเองนั้นยืนอยู่ตรงไหน ในระหว่างคู่แข่งทั้งหมด และเหล่านี้ก็คือความยอดเยี่ยมของ SEO tools ที่รอให้คุณทดลองใช้ได้แล้ววันนี้ก่อนใคร

post

ทำ SEO แล้วได้อะไร มือใหม่ต้องรู้

เมื่อจะเข้าสู่วงการขายสินค้าออนไลน์ คุณควรต้องเรียนรู้เรื่อง SEO หรือ search engine optimization เพื่อให้การทำธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ที่เราจะแนะนำดังนี้

1. ลดเวลาในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า

การเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายโดยเร็วเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณเป็นมือใหม่ในวงการออนไลน์ เมื่อเปิดเว็บไซต์ขึ้นมาแรก ๆ ก็ไม่มีใครรู้จัก หากไม่ทำตามหลักการ SEO ที่ Google แนะนำ คุณก็จะไม่สามารถสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ได้ในเวลาอันสั้น เพราะแทบจะไม่มีโอกาสเลยที่คนจะพิมพ์แล้วตรงกับสิ่งที่คุณใส่ในบทความของเว็บไซต์ตัวเอง ดังนั้นการทำ SEO จะทำให้เว็บไซต์คุณมีคนเข้ามาชมได้เร็วขึ้นในเวลาไม่กี่เดือน

2. ขายของได้มาก

เชื่อว่าคนที่ทำเว็บไซต์ทุกคนต้องการที่จะมีรายได้จากการทำเว็บไซต์ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ถ้าเป็นหน้าร้านขายสินค้าต่าง ๆ ก็ต้องการออเดอร์สินค้าทุกวัน ถ้าขายคอร์สสอนออนไลน์ ก็ต้องการให้คนรู้จักเข้ามาอ่านข้อมูลแล้วตัดสินใจสมัครเรียนไว ๆ ถ้าไม่มีลูกค้าเข้ามาในเว็บไซต์คุณเลยโอกาสในการขายสินค้าและบริการก็จะเท่ากับหายไปด้วย คุณจึงควรศึกษาการทำ SEO ตั้งแต่ต้นที่ทำเว็บไซต์ ทั้งจากคลิปวิดีโอสอนทำจากกูรูต่าง ๆ เพื่อจัดรูปแบบเว็บไซต์ทั้ง On-page และ Off -page SEO ให้เหมาะสม หรือจะจ้างบริษัทมืออาชีพในการทำ SEO ให้เว็บไซต์คุณก็ได้เช่นกัน

3. เข้าถึงลูกค้าต่างประเทศง่ายขึ้น

ถ้าคุณทำเว็บไซต์เป็นภาษาต่างประเทศเพื่อขายสินค้าให้ชาวต่างชาติ ก็มีโอกาสที่จะขายของได้มูลค่ามหาศาลตามไปด้วย ในอดีตหากคุณจะขายของให้คนต่างชาติก็ต้องนั่งเครื่องบินไปโปรโมต เสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากมาย แต่หากทำเว็บไซต์ตามหลัก SEO คุณก็ไม่ต้องเสียเงินในส่วนนี้เลย และยังมีโอกาสขายได้ตลอดเวลาเพราะเป็นการขายทางอินเทอร์เน็ตด้วย เรียกได้ว่าเข้าถึงลูกค้าได้ในทุกมุมโลกเพียงแค่มีระบบอินเทอร์เน็ตเชื่อมโยงกัน

4. ได้รับความเชื่อถือ

ความเชื่อถือของคุณมาจากการที่ใครก็ตามค้นหาในเว็บไซต์ Google ซึ่งเป็นแหล่งค้นหาข้อมูลอันดับหนึ่งของโลกแล้วเจอเว็บไซต์คุณทันที จะดีแค่ไหนถ้าเว็บไซต์ของคุณถูกพิมพ์หาด้วย keyword SEO แล้วอยู่ในอันดับที่ 1 หรือ 2 ตลอดเวลา เพราะนั่นแปลว่าคุณมีโอกาสได้รับความเชื่อถือจากลูกค้าในการสั่งสินค้าและบริการมากกว่าคนอื่น ๆ 

จะเห็นได้ว่า การทำ SEO ให้ประโยชน์แก่เว็บไซต์อย่างมากมาย คนที่เป็นมือใหม่ในวงการขายของออนไลน์จึงควรเริ่มต้นศึกษาไว้เสียแต่วันนี้ ไม่ว่าจะเรียนเพื่อทำเองหรือเพื่อให้เข้าใจระบบงานสำหรับการจ้างทำ SEO ก็ได้เช่นกัน แล้วคุณจะได้ผลกำไรที่ตอบกลับมาสู่ธุรกิจของคุณมากกว่าที่ลงทุนไปอย่างแน่นอน

post

SEO ทำแล้วได้อะไร 2022

SEO เป็นเทคนิคการตลาดออนไลน์ที่กูรูจำนวนมากแนะนำให้ผู้ที่สนใจธุรกิจออนไลน์ศึกษาอย่างเป็นระบบเพื่อให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว เรามาดูกันว่าหากทำ SEO ให้เว็บไซต์หลักจะได้อะไรบ้าง

1. ประหยัดค่าจ้างทำ SEO 

การทำ SEO เป็นเรื่องที่เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง เพียงอาศัยความขยันในการศึกษา keyword ด้วยเครื่องมือต่าง ๆ เขียน Content ที่มีคุณภาพ วิเคราะห์ให้ตรงตามหลัก SEO ทำซ้ำอย่างสม่ำเสมอเช่นนี้ ก็จะทำให้อันดับของเว็บไซต์ดีขึ้นได้ทุกวันโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจ้างใคร

2. ไม่ต้องเสียค่าโฆษณา

การโฆษณาต้องมีค่าใช้จ่ายให้แก่ Google โดยจะถูกตัดค่าใช้จ่ายแบบนับจำนวนการคลิก หรือที่เรียกว่า pay per click ซึ่งเงินค่าโฆษณาหมดงบประมาณที่ตั้งไว้เมื่อใดจากจำนวนการคลิกสะสมจนถึงระดับเพดาน ก็จะหยุดการโฆษณาเมื่อนั้น แต่การทำ SEO ไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ทุกเว็บไซต์ออนไลน์สามารถทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ตัวเองแล้วแข่งขันกันด้านคุณภาพเพื่อให้ได้อยู่ในอันดับต้น ๆ ได้ตลอดทั้งปี 

3. แข่งขันอย่างยุติธรรม

นักธุรกิจที่มีทุนน้อยอาจกังวลว่าจะสู้ยักษ์ใหญ่ในตลาดออนไลน์ได้อย่างไร ที่จริงแล้วไม่ต้องกังวลในส่วนนี้เลย เพราะการวิเคราะห์คุณภาพของเว็บไซต์ SEO นั้นเป็นไปโดยระบบ algorithm ของ Google ที่จะมาแวะเวียนเก็บข้อมูลในเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นระยะ หมดปัญหาอคติในการจัดอันดับเว็บไซต์ได้ ที่สำคัญ คือ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะอยู่ในอันดับด้านบนได้หากทำ SEO สายขาวตามหลักการของ Google ได้อย่างถูกวิธี

4. ทำให้ได้ลูกค้าประจำ

ไม่ว่าจะขายสินค้าหรือบริการชนิดใด หากมีลูกค้าประจำแล้วย่อมหมายถึงการมีโอกาสขายต่อเนื่องและถูกบอกต่อได้มากยิ่งขึ้น การทำ SEO ได้แก่ การจัดหมวดหมู่ของเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย เช่น ถ้าขายสินค้าหลายประเภทก็ต้องแยกเป็นหมวดเสื้อ กางเกง กระโปรง รองเท้า กระเป๋า พร้อมให้สาระความรู้เกี่ยวกับการเลือกสินค้าที่ดีมีคุณภาพ อันแสดงถึงความจริงใจและความรู้ของผู้ผลิตเนื้อหา ทำเช่นนี้ย่อมมีโอกาสขายสินค้าแก่ลูกค้าประจำและขยายฐานการตลาดให้กว้างขึ้นได้

5. เข้าถึงลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติตลอดเวลา

การทำ SEO นั้นให้ประโยชน์ในการเข้าถึงลูกค้าทั่วโลก ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ มีโอกาสที่จะมีผู้คลิกเข้ามาชมข้อมูลในเว็บไซต์ของคุณได้ตลอด 24 ชั่วโมง หากศึกษาคีย์เวิร์ด SEO ที่เหมาะสม ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ก็ย่อมมีโอกาสเข้าถึงลูกค้าอย่างไม่จำกัด

จะเห็นได้ว่าการทำ SEO นั้นให้ประโยชน์ทั้งด้านการพัฒนาเว็บไซต์จากระดับรากฐานให้แน่น สอดคล้องตามหลักการของ Google และยังสามารถขยายฐานลูกค้าให้กว้างยิ่งขึ้นได้ อันทำให้ธุรกิจมีความมั่นคงยิ่งขึ้น นักธุรกิจออนไลน์จึงควรเรียนรู้หลักการ SEO เพื่อการอยู่รอดของธุรกิจในทศวรรษหน้า

post

5 เรื่องพื้นฐานควรรู้เกี่ยวกับ SEO

ทุกวันนี้ถ้าเราอยากจะรู้อะไรก็หาคำตอบได้ง่าย ๆ ด้วยการ Search พิมพ์ Keyword ที่เราต้องการค้นหา แค่นี้คำตอบก็ขึ้นมามากมาย ซึ่งเว็บไซต์ที่เราจะเลือกคลิกเข้าไปคืออันดับต้น ๆ ที่ปรากฏขึ้นมา นั่นแสดงว่ามีการทำ SEO มาดี แล้ว SEO คืออะไร เรามาหาคำตอบกัน

SEO (Search Engine Optimization) คือ การปรับปรุงเว็บไซต์ในด้านต่าง ๆ ให้ Search Engine ชอบ เพื่อที่จะได้ขึ้นไปอยู่ด้านบนสุดหรือระดับสายตาของการค้นหาอย่างใน Google, Bing, Yahoo ด้วยวิธีธรรมชาติของระบบโดยไม่ต้องเสียเงินโฆษณาหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ทำให้เพิ่มโอกาสให้คนเห็นและคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์เราได้เยอะขึ้น เพิ่มโอกาสการขายได้เพิ่มมากขึ้น

การจะทำ SEO นั้นก็มีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งเราสามารถทำได้ไม่ยากเกินไป แต่ต้องอาศัยการปรับปรุง พัฒนาสม่ำเสมอ และความพยายาม โดยมีหลักการพื้นฐาน 5 ข้อ ดังนี้

1.Keyword
Keyword ต้องตรงกับเนื้อหาของธุรกิจหรือเว็บไซต์ ไม่ใช่ว่ามีแต่ Keyword แต่ข้างในไม่เกี่ยวข้องกัน เราต้องคิดว่าเนื้อหานี้คนที่เข้ามาจะค้นหาด้วยคำว่าอะไรได้บ้าง เปรียบเสมือนเครื่องมือทางการตลาดอย่างหนึ่งที่เข้าถึงได้ง่าย รวดเร็ว แค่ต้องหยิบมาให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าเพื่อที่จะเป็นคลิกที่มีคุณภาพ

2.ปรับปรุงเว็บไซต์สม่ำเสมอ
ควรอัปเดทเนื้อหาให้ Search Engine ได้รับข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ ทันสมัยตลอดเวลาและในเว็บไซต์หรือเนื้อหาควรมีภาพประกอบเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ น่าติดตาม นอกจากนี้จะเพิ่มในส่วนของวิดีโอเข้าไปด้วยก็ยิ่งดี เพราะไม่ว่าจะภาพประกอบหรือวิดีโอก็สามารถขึ้นไปปรากฏเป็นผลลัพธ์การค้นหาของ Search Engine ได้อีกด้วย

3.ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์
ต้องดูน่าเชื่อถือตั้งแต่รูปแบบ โครงสร้าง สีสัน เนื้อหา ภาพประกอบ วิดีโอ ทุกอย่างต้องมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันอย่างมีคุณภาพ มีโอกาสมากที่คนจะนำ Link ของเว็บไซต์เราไปอ้างอิงถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งของการทำ SEO

4.ความเร็วของเนื้อหาที่ปรากฏ
ความเร็วของเว็บไซต์หรือที่เรียกว่า Page Speed ถ้าคลิกแล้วหน้าเว็ปแสดงผลให้เห็นเร็วมากเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะคนจะอยู่ได้นานเพื่ออ่าน ซึ่งมีผลกับ SEO อย่างมาก ถ้าคนคลิกเข้ามาแล้วโหลดหน้าเว็บนานจะออกจากเว็บไซต์เราทันทีและไปเลือกชมเว็บไซต์อื่นแทน

5.อ่านง่ายบนมือถือ
ปัจจุบันคนเราจับมือถือมากกว่าอยู่กับคอมพิวเตอร์กันแล้ว เราควรคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย เพราะยุคนี้สมัยนี้อะไรก็ต้องง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว การจัดรูปแบบ องค์ประกอบของหน้าเว็บไซต์ก็ควรดึงดูดความสนใจได้ตั้งแต่แรกเห็น มองได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยและหลักการอื่น ๆ อีกมากมายในการทำ SEO ที่ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่ทุกเว็บไซต์ที่ทำจะได้ขึ้นเป็นอันดับต้น ๆ หรืออยู่บนสุดในการค้นหา เนื่องจาก Search Engine ใช้ อัลกอริทึม (Algorithm) ในการจัดอันดับและให้คะแนนตามที่ได้กำหนดขึ้นมาในระบบ สิ่งสำคัญที่เราจะทำได้เอง ควบคุมได้เองไม่ต้องลุ้นกับระบบก็คือ การพัฒนา ปรับปรุงคุณภาพของเว็บไซต์เราอยู่ตลอดเวลาด้วยความใส่ใจที่เรามีต่อลูกค้า

post

แนวคิดทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับ ยอดขายพุ่ง

หากว่ากันถึงเรื่อง SEO เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินกันมาบ้าง เนื่องจาก SEO นั้นเป็นสิ่งที่หลาย ๆ เว็บไซต์นำไปใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงแก้ไข ปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีคุณสมบัติ คุณลักษณะต่าง ๆ ที่มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ดังนั้น หากว่าเรามีการเปลี่ยนแปลง พัฒนาเว็บไซต์ของแบรนด์ สินค้าและธุรกิจของเราด้วยการทำ SEO แล้วล่ะก็ เชื่อได้ว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจของเราในระยะยาวอย่างแน่นอน

มาเริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักกับ SEO กันก่อน การทำ Search Engine Optimization หรือ SEO เป็นการปรับแต่งโครงสร้าง ภาพลักษณ์ของเว็บไซต์ การปรับแต่งโค้ดต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์ รวมถึงการการปรับแต่งความรวดเร็วในการที่จะเข้าถึงเว็บไซต์ของเรา ในส่วนของรายละเอียด รูปแบบ ในเนื้อหาที่เราจะนำไปใส่ในเว็บไซต์ของเรา ให้มีความถูกต้องเหมาะสม มีลักษณะต่าง ๆ ที่แสดงอยู่บนหน้าเว็บไซต์ ตรงกับความต้องการของเว็บ Search Engine ที่ต้องการให้ทำเป็นมาตรฐานเหมือนกันทั่วโลก

ประโยชน์ที่มากมายของ SEO ทำให้เราสามารถยกอันดับเว็บไซต์ของเราให้อยู่ในหน้าการค้นหาที่ดีขึ้น อย่างที่เรามักจะพบเห็นการพิมพ์ การกดค้นหาด้วยคำต่าง ๆ เช่น การค้นหาเว็บสำหรับซื้อสินค้าหรือบริการใด ๆ ก็จะมีการใส่คำสำคัญลงไปในช่องค้นหาของทางเว็บไซต์ Google แล้วเมื่อกดค้นหาก็จะพบว่ามีเว็บไซต์ต่าง ๆ ขึ้นมามากมาย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วเราก็จะเลือกกดค้นหาเว็บไซต์แรก ๆ ที่ขึ้นมาหรือแสดงในหน้าแรกก่อนเว็บไซต์อื่น ๆ ซึ่งเว็บไซต์เหล่านั้นก็จะมีโอกาสที่จะเป็นตัวเลือกอันดับแรกที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ทั้งนี้การแสดงผลจะมีการแสดงเว็บไซต์หน้าละ 10 อันดับ คือ 1-10 สำหรับหน้าแรก สำหรับหน้าที่สอง จะเป็นอันดับ 11-20 ซึ่งการทำ SEO ที่ดี มีประสิทธิภาพนั้น เว็บไซต์ควรจะอยู่ในผลการค้นหาหน้าแรก อันดับที่ 1-10 ซึ่งจะเพิ่มยอดการกดเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างมาก และมีโอกาสทำให้มีผู้คนคลิกเข้ามาชมในเว็บไซต์ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่รักษาอันดับเดิมไว้ได้

จุดสำคัญของการทำ SEO ประกอบไปด้วยหลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการตั้งชื่อเว็บไซต์หรือโดเมนเนม Title ชื่อจำกัดความบน คำอธิบาย เนื้อหาของเว็บไซต์ หน้าเว็บไซต์ ที่มีความเหมาะสมสอดคล้อง ตรงกับคีย์เวิร์ดต่าง ๆ รวมทั้งการเลือกโฮสติ้งที่ดี มีคุณภาพและมาตรฐาน ก็จะช่วยทำให้การทำ SEO ประสบความสำเร็จได้ตามที่ต้องการ

จะเห็นได้ว่าการทำ SEO คือแนวทางของการเพิ่มยอดขาย เพิ่มจำนวนลูกค้า ช่วยทำให้เว็บไซต์ของเรามีโอกาสถูกค้นหาและพบเห็นได้มากขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าจะเป็นวิธีที่ต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่เป็นวิธีที่ดีและเหมาะสมกับยุคปัจจุบันที่มีการแพร่หลายของสื่อออนไลน์และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และหากทำอันดับที่ 1ในผลการค้นหาได้ ก็จะส่งผลดีต่อยอดขายอย่างชัดเจน

post

แนะนำเทรนด์การทำ SEO ปี 2021 รับรองติดหน้าแรก Google แน่นอน

อย่างที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่า ‘Google’ เป็น Search Engine ที่ไดรับความนิยมมากที่สุดในไทย เนื่องจากใช้งานง่าย ค้นหาเป็นภาษาไทยได้ และมีการพัฒนาเทคโนโลยีให้ล้ำสมัย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลาย ๆ ธุรกิจที่มีการทำการตลาดออนไลน์พยายามปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ของตัวเองให้ถูกต้องตามหลักการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เพื่อให้หน้าเว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ หรืออย่างน้อยหน้าแรกในการค้นหาด้วยคำค้นที่กำหนดไว้ แต่เทรนด์การทำ SEO ปี 2021 จะมีอะไรปรับเปลี่ยนไปจากเดิมบ้างนั้น วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก

Featured Snippets
ความหมายของ Featured Snippets คือ การอันดับที่ก่อนอันดับ 1 หรืออันดับ 0 ทำให้ลำดับนี้มีชื่อเรียกว่า Rank Zero โดยเป็นตำแหน่งที่มีเนื้อหาที่ผู้ใช้งานต้องการมากที่สุด สำหรับวิธีที่จะให้เว็บไซต์ติดลำดับ 0 นั้นทางเว็บไซต์ควรทำให้เว็บไซต์ของตัวเองติดหน้าแรกอยู่เสมอและพยายามใช้คีย์เวิร์ดที่เฉพาะเจาะจงหรือหลากหลาย ซึ่งข้อดีของการติดลำดับนี้จะเพิ่มอัตราการเข้าชมและสร้างความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์

Google “E-A-T”
สำหรับความหมายของคำว่า Google “E-A-T” เป็นการแสดงเนื้อหาตามที่ Google ต้องการ คำว่า E คือ Expertise แปลว่าความเชี่ยวชาญ A คือ Authoritativeness แปลว่าความเป็นเจ้าของ และ T คือ Trustworthiness แปลว่าความน่าเชื่อถือ โดยรวมแล้วจึงหมายความว่าเว็บไซต์ต้องมีความถูกต้อง เป็นข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ และเป็นข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งเว็บไซต์ที่ได้เข้าข่ายกรณี Google “E-A-T” จะเป็นเว็บไซต์ประเภทที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตประจำวัน

Search Intent
ปัจจุบันการสร้างคีย์เวิร์ดอาจไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของการทำ SEO แต่ต้องดูว่าสิ่งที่คนส่วนใหญ่ดูคอนเทนต์แบบไหนมากที่สุดจากคำค้นเดียวกัน ซึ่งนอกจากบทความที่หลายคนคุ้นเคยแล้ว ยังสามารถสร้างคอนเทนต์ประเภทวิดีโอ รูปภาพ เสียง ก็ได้ เพราะฉะนั้นหากเลือกใช้คอนเทนต์ได้ตรงตามความต้องการของคนทั่วไป ก็จะทำให้เพิ่มอันดับของเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น

Voice Search
ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลนี AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ จึงทำให้การค้นหาด้วยเสียงมีความสำคัญขึ้น ซึ่งขณะนี้เริ่มมีการพัฒนาให้ใช้กับภาษาไทยได้แล้ว ทำให้มีการคาดการณ์ว่าในอนาคตจะมีการใช้งาน Voice Search มากขึ้น ดังนั้นการปรับเนื้อหาของเว็บไซต์ให้สามารถค้นหาด้วย Voice Search ได้ จะช่วยเว็บไซต์ติดอันดับที่ดีได้ สำหรับวิธิทำเว็บไซต์ให้รองรับการใช้งาน Voice Search สามารถทำได้โดยการเขียนบทความเชิงภาษาพูด วิเคราะห์คีย์เวิร์ดในกลุ่ม Voice Search สร้างหน้าคำถาม FAQ มากกว่า 1 หน้า ศึกษาการใช้งานแอปพลิเคชันเสียง และที่สำคัญควรศึกษาเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการใช้ Voice Search จาก Google โดยละเอียด

และนั่นก็คือความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับเทรนด์การทำ SEO ปี 2021 ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ แต่อย่างไรก็ตาม นอกจากปรับปรุงคอนเทนต์ต่าง ๆ ให้ทันสมัยเข้ากับเทคโนโลยีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เจ้าของเว็บไซต์ควรให้ความสำคัญคือ ข้อกำหนดของ Google ในการปรับปรุงเว็บไซต์ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกใน Google ได้ง่ายขึ้นแล้ว

post

ความสำคัญและประโยชน์ของ keyword SEO

การประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ออนไลน์ให้เป็นที่รู้จักจะต้องมีการทำการตลาด ซึ่งวิธีที่นิยมมากในปัจจุบันก็คือ การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เพื่อให้เว็บไซต์มีอันดับที่ดีในหน้าสืบค้นด้วย keyword ต่าง ๆ จากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

ซึ่งในการทำ SEO ต้องมีการใช้คีย์เวิร์ด SEO สำหรับการเขียนบทความที่มีคุณภาพ โดยการใช้คีย์เวิร์ดต้องมาจากการสืบค้นใน Google Search แล้วเลือกคำที่ตรงกับสินค้าและบริการที่มีในเว็บไซต์คุณ มาเขียนโดยให้กระจายอยู่ในบทความอย่างน้อย 2-3 แห่ง โดยคีย์เวิร์ด SEO สามารถแยกออกได้เป็น ประเภทต่าง ๆ ดังนี้

1. Niche Keyword เป็นคำค้นหาที่มีความเฉพาะเจาะจง จะพบกับเว็บไซต์ที่เน้นการขายสินค้าในหมวดหมู่นั้น ๆ เช่น มีการระบุชื่อรุ่นของโทรศัพท์มือถือ Notebook รองเท้ากีฬา เป็นต้น

2. Widely Keyword เป็นคำสั้น ๆ มักจะใช้กับการเขียนบทความ SEO ที่เป็นการให้ความรู้ทั่วไป เช่น โรงแรม ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว รองเท้าผู้ชาย เป็นต้น

3. Misspelling Keyword นั้นเกิดจากการสะกดผิด เช่น คำว่า Google ภาษาไทย เขียนเป็น กูเกิล และ กูเกิ้ล ซึ่งจะมีการใช้ทั้ง 2 แบบเขียนในบทความ เป็นต้น

4. Long-tailed Keyword เป็นคีย์เวิร์ดที่มีส่วนขยายความ ซึ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เช่น ร้านขายดอกไม้ออนไลน์โคราช รีสอร์ทแอนด์สปาเชียงใหม่ เป็นต้น เพราะว่าเป็นให้ผลการสืบค้นที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น

Keyword SEO สำคัญต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ เนื่องจากระบบอัลกอริทึ่มของ Search Engine อย่าง Yahoo , Google จะนำวิเคราะห์คุณภาพบทความจากการใส่ Keyword SEO โดยผู้เขียนบทความ SEO จะต้องระมัดระวังการใส่คีย์เวิร์ดที่ซ้ำมากเกินไป ทำให้เนื้อหาอ่านไม่รู้เรื่อง หรือมีการใช้คีย์เวิร์ดที่ยัดเยียดทำให้คนอ่านรู้สึกว่าบทความไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งจะส่งผลทำให้ผลการจัดอันดับเว็บไซต์ต่ำลง ซึ่งจะทำให้เสียโอกาสในการแข่งขันกับเว็บไซต์ของคู่แข่งรายอื่นที่ใช้คีย์เวิร์ดเดียวกัน

นอกจากคีย์เวิร์ด SEO จะใช้สำหรับการเขียนบทความแล้ว ผู้เชี่ยวชาญทางการตลาดออนไลน์ ยังแนะนำให้ใส่ในส่วนของชื่อเพจ URL Address หรือ ลิ้งค์เว็บไซต์ และส่วน Meta Description (ส่วนสรุปเนื้อหาของแต่ละหน้าเพจในเว็บไซต์) ชื่อของรูป ชื่อของคลิป ฯลฯ เพื่อเป็นการสะสมข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ ที่จะช่วยให้ผลการวิเคราะห์อันดับเว็บไซต์ดีขึ้นในระยะยาวด้วย

การทำเว็บไซต์ออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ มียอดผู้ชมเว็บไซต์และยอดขายที่ดี ต้องให้ความสำคัญกับการทำเว็บไซต์ที่สวยงามใช้งานง่าย และต้องสามารถใช้ Keyword SEO อย่างเหมาะสมด้วย จึงจะทำให้มีผลในการจัดอันดับการสืบค้นที่ดีใน Google และ Yahoo ซึ่งส่งผลต่อความน่าเชื่อถือและเพิ่มยอดขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ความสำคัญ ประโยชน์ของ keyword SEO

post

7 ศัพท์ควรรู้เมื่อต้องการดันอันดับเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรก

ถ้าคุณเป็นมือใหม่ในการเริ่มทำ SEO คุณจำเป็นจะต้องรู้คำศัพท์ที่เอามาใช้กับการทำอันดับ ไม่งั้นคุณจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง มาดูกันเลยว่าทั้ง 7 คำนั้นมีอะไรบ้าง

1.SEO – คำนี้ควรจะเป็นคำแรกของทุกคนที่อยู่ในวงการต้องรู้จัก คำที่เราเรียกกันติดปากว่า “SEO” นั้น ย่อมาจาก “Search Engine Optimization” แปลตรงตัวคือ “กระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหา” คนไทยส่วนใหญ่จะรู้จักการทำ SEO เฉพาะแต่ในเว็บไซต์ Google แต่รู้หรือไม่ว่าเว็บไซต์ Yahoo หรือ Bing ก็มีระบบการค้นหาแบบนี้ให้บริการอยู่นานแล้วเหมือนกัน ซึ่งในบทความนี้จะกล่าวถึงเฉพาะ Google เท่านั้น

2.Keyword – ลำดับต่อมาคำศัพท์ที่เรามักพบเจอประจำนั้นคือคำว่า Keyword (คีย์เวิร์ด) เป็นคำที่ใช้เรียกแทนคำที่เราต้องการจะดันอันดับ เช่น หากคุณเปิดร้านขายมือถือ คุณต้องการทำอันดับคำว่า “มือถือ” ให้ขึ้นหน้าแรกของ Google คำว่า “มือถือ” นี่แหละที่เป็น Keyword ในการจัดทำอันดับ

3.Content – เมื่อเราได้คีย์เวิร์ดที่เราจะนำมาทำอันดับแล้ว คุณจะต้องมี Content (คอนเทนต์) ที่มีเนื้อหารองรับคีย์เวิร์ดที่คุณต้องการ เพื่อให้ทาง Google รู้จักและเข้าใจว่าตอนนี้เว็บไซต์ของคุณต้องการดันอันดับคำว่าอะไรอยู่ เช่น เมื่อคุณขายมือถือและต้องการทำอันดับคำว่า “มือถือ” ในเว็บไซต์ของคุณก็ควรจะมีเนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่มีคำว่า “มือถือ” อยู่ด้วย

4.Traffic – คือจำนวนการเข้าเว็บไซต์จากผู้คนทั่วไปที่สนใจ คำว่า Traffic (ทราฟฟิค) มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าคำอื่น ๆ เพราะถ้ายิ่งทำให้มีคนเข้าหาเว็บไซต์ของคุณได้มากขึ้นเท่าไรและยังตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคีย์เวิร์ดด้วยล่ะก็ ทาง Google จะเข้าใจและยกอันดับเว็บไซต์ของคุณให้อยู่สูงขึ้นไปอีก

5.Sitemap – คำนี้หมายถึงโครงสร้างเว็บไซต์ที่คุณสร้างขึ้นมา Sitemap (ไซต์แม็พ) จะแสดงให้ Google เข้าใจว่าเว็บไซต์ของคุณมีหน้าอะไรบ้างและเกี่ยวข้องกันอย่างไรในแต่ละหน้า

6.Backlink – แบล็คลิงก์ ถือว่าเป็นคำที่มีความสำคัญแทบจะเรียกว่าที่สุดในยุคที่ผ่านมา เพราะเปรียบเสมือนป้ายโฆษณาที่เขียนชื่อหรือบริการของเว็บไซต์คุณแล้วนำไปติดระหว่างทาง ทำให้ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาได้เห็นว่าเว็บไซต์ของคุณทำอะไรและมีที่ตั้งอยู่ที่ไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในปัจจุบันจะมีความสำคัญลดลงขนาดที่ไม่จำเป็นต้องทำ เพียงแค่ทาง Google ลดความสำคัญลงไปบ้างเท่านั้นเอง

7.Black Hat SEO & White Hat SEO – เป็นการเรียกเปรียบเทียบระหว่างการทำ SEO แบบถูกต้องตามกฏของ Google หรือทำแบบผิดกฏเท่านั้นเอง แบ่งเป็น Black Hat (แปลว่า “หมวกดำ”) คือการทำ SEO โดยการใช้วิธีใด ๆ ก็ตามที่สามารถทำอันดับให้กับเว็บไซต์ได้โดยไม่คำนึงถึงกฏของ Google ส่วน White Hat (แปลว่า “หมวกขาว”) คือการทำ SEO โดยใช้วิธีที่ถูกต้องทำตามกฏของทาง Google 100%

ยังมีคำศัพท์อีกหลายคำที่มีความสำคัญกับการทำ SEO แต่หวังว่าใน 7 คำที่ได้นำเสนอในบทความนี้จะสามารถขยายความเข้าใจให้กับคุณได้มากขึ้นและช่วยให้การทำอันดับของคุณไม่หลงทาง

7 ศัพท์ควรรู้เมื่อต้องการดันอันดับเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรก

post

รู้ไหม SEO แบบนี้เอาท์ไปแล้ว ในปี 2019

การทำธุรกิจออนไลน์จะต้องพยายามทำให้เว็บไซต์ถูกจัดอยู่ในอันดับหน้าแรกของการสืบค้นด้วย search engine จึงจะทำให้การทำ Digital Marketing ประสบประสิทธิผลขั้นสูงสุดคือส่งสารไปถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และทำให้สร้างยอดขายอย่างสวยงามตามที่ตั้งใจไว้

การทำ SEO หรือ search engine optimization เป็นที่รู้จักกันในแวดวงธุรกิจออนไลน์มาหลายปี เรามาดูกันว่าการทำเว็บไซต์ SEO แบบไหนที่เอาท์หรือไม่ควรมีให้เห็นอีกแล้วในปี 2019

รู้ไหม SEO แบบนี้เอาท์ไปแล้ว ปี 2019

ส่วนของ Content SEO

การทำ Content หรือบทความ SEO ที่มีเนื้อหาซ้ำ เป็นการ Copy จากต้นฉบับที่อื่นมาโพสในเว็บไซต์ตัวเอง จะทำให้ไม่ผ่านการตรวจสอบ plagiarism ระบบ algorithm search engine ไม่ว่าจะ Google หรือ Yahoo และ Bing ทำให้อันดับของเว็บไซต์ร่วงลงไปอยู่อันดับหลัง ๆ ได้

Keyword ที่เลือกใช้ในการสร้าง Content นั้นหากยัดเยียดถ้อยคำและจำนวนที่มากเกินไป จะทำให้เกิดความเกิดความไม่เป็นธรรมชาติในการอ่าน ควรยึดหลักว่าควรจะมี keyword SEO กระจายอยู่ทั่วไปทั้งในส่วนบทนำ ส่วนเนื้อหาและส่วนสรุปหรือการให้ข้อคิดเห็น 3-4 ตำแหน่ง สำหรับบทความไม่เกิน 1000 คำก็น่าจะเพียงพอแล้ว

ส่วนของ keyword SEO

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะนิยมใช้ keyword SEO แบบสั้น ๆ หรือที่เรียกว่า Short -Tail keyword เช่น ดอกไม้ วิตามิน กีฬา แต่ใน ปี 2019 ต้องปรับให้เป็น long-Tail keyword ซึ่งจะมีการเพิ่มบริบทรอบข้างของ keyword เช่น รับจัดช่อดอกไม้วาเลนไทน์ แทนคำว่าดอกไม้ วิตามินผิวขาวใส แทนคำว่าวิตามิน กีฬา E Sport แทนคำว่า กีฬา

ซึ่งเราสามารถศึกษา long-Tail keyword ได้ จาก Google search ที่จะมีการแสดงสถิติในการค้นคว้าของกลุ่มผู้บริโภค เพื่อให้ผู้ผลิต Content สามารถเลือกหยิบใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างเหมาะสม รวมไปถึงผู้ผลิตภาพและสื่อสำหรับงาน Digital Marketing เพื่อนำไปใช้เป็นธีมหรือแนวทางในการถ่ายภาพ ถ่ายคลิปวีดีโอ หรือสร้างสื่อมัลติมีเดียที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าทั่วโลกได้ดียิ่งขึ้นด้วย

นอกจากที่กล่าวมา การทำสื่อดิจิตอลและเว็บไซต์ SEO ในปี 2019 ยังต้องคำนึงถึงสถานการณ์การใช้งานจริง กล่าวคือ ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในยุค 5g มากกว่า 90% จะใช้โทรศัพท์มือถือพกติดตัวตลอดเวลาในการค้นหาข้อมูลต่างๆ แม้ครั้งละไม่นาน แต่จะมีความถี่สูง เพราะฉะนั้นการทำเว็บไซต์จึงต้องให้ตอบโจทย์ความสะดวกนี้ เรียกว่ามี mobile optimization จึงจะถูกจัดอันดับสูง และได้รับความนิยมจากกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น

รู้ไหม SEO แบบนี้เอาท์ไปแล้ว ใน

จะเห็นได้ว่า ในปี 2019 การทำเว็บไซต์ SEO ไม่ควรยึดติดกับรูปแบบเก่า ๆ ที่เอาท์ไปแล้ว ต้องสร้างสื่อดิจิตอลที่สอดคล้องกับการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน ส่งเรื่องราวที่ดีผ่านบทความคุณภาพสู่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ จึงจะทำให้การทำธุรกิจออนไลน์ประสบความสำเร็จได้อย่างงดงาม