SEO และ Google Ads (Search) เป็นกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรากฏอยู่ในผลการค้นหาของ Google ได้ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองกลยุทธ์มีความแตกต่างกัน ดังนี้
SEO
- หลักการ: SEO อาศัยการปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีคุณภาพและตรงตามเกณฑ์ของเครื่องมือค้นหา เพื่อให้เว็บไซต์สามารถปรากฏอยู่ในอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหาตามคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง
- ค่าใช้จ่าย: ฟรี ยกเว้นค่าบำรุงรักษาเว็บไซต์
- ระยะเวลา: ใช้เวลานานกว่า Google Ads ในการเห็นผล
- ความยืดหยุ่น: สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับเป้าหมายทางธุรกิจได้หลากหลาย
- ข้อดี: ได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ประหยัดค่าใช้จ่าย
- ข้อเสีย: ต้องใช้เวลาและความพยายามในการดำเนินการ
Google Ads (Search)
- หลักการ: Google Ads เป็นรูปแบบการโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (Pay-per-click) ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรากฏอยู่ในอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหาได้ทันที โดยต้องชำระเงินทุกครั้งที่มีการคลิกโฆษณา
- ค่าใช้จ่าย: ขึ้นอยู่กับจำนวนคลิกและราคาต่อคลิก
- ระยะเวลา: สามารถเห็นผลได้ทันที
- ความยืดหยุ่น: สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับเป้าหมายทางธุรกิจได้หลากหลาย
- ข้อดี: ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงตามความต้องการ
- ข้อเสีย: เสียค่าใช้จ่ายทุกครั้งที่มีการคลิกโฆษณา
การเลือกทำโฆษณาแบบไหนดี
การเลือกทำโฆษณาแบบไหนดีนั้น ขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางธุรกิจและงบประมาณของธุรกิจ ดังนี้
- หากต้องการผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ควรเลือกทำ SEO
- หากต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงตามความต้องการ ควรเลือกทำ Google Ads
นอกจากนี้ ธุรกิจยังสามารถทำ SEO และ Google Ads ควบคู่กันไปได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยการทำ SEO จะช่วยให้เว็บไซต์สามารถปรากฏอยู่ในอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหาได้ในระยะยาว และการทำ Google Ads จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและตรงตามความต้องการ