post

ลองทำ SEO ด้วยตัวเองดีไหม หรือจ้างมืออาชีพต่อไป

ในปัจจุบันเว็บไซต์ธุรกิจจ้างบริษัทรับทำ SEO หรือฟรีแลนซ์ที่มีความเชี่ยวชาญมาช่วยปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีคุณภาพดีขึ้น ด้วยหวังว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา ส่งผลให้เว็บไซต์ติดอันดับดีๆ ในการค้นหาบน Google ทำให้มีโอกาสขายสินค้าหรือบริการเพิ่มมากขึ้น แต่เป็นเพราะค่าใช้จ่ายที่สูงและต้องใช้เวลานานระยะหนึ่งกว่าที่การทำ SEO จะแสดงผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ส่งผลให้ค่าจ้างแพงเกินงบประมาณจนทำให้ธุรกิจขนาดเล็กรับมือไม่ไหวจนถึงขนาดตั้งคำถามกับตัวเองว่าถ้าเริ่มเรียนรู้ลองทำเองจะเป็นได้ไหม

จ้างบริษัท SEO มีข้อดีอย่างไร

ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจขนาดเล็กมักมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณน้อย จึงเป็นธรรมดาที่สตาร์ทอัพและผู้ประกอบการรายย่อยไม่มีเงินมากพอจ้างบริษัทรับทำ SEO แต่ถ้าลองประเมินข้อดี-ข้อเสียแล้ว ย่อมเห็นถึงความคุ้มค่าของการลงทุนจ้างบริษัทที่มีประสบการณ์มาช่วยปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในด้านการตลาดออนไลน์ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจประสบความสำเร็จเร็วขึ้น ถ้าธุรกิจในวันนี้ยังต้องโฟกัสกับการขยายตัวเป็นหลัก ควรจ้างบริษัทมืออาชีพทำ SEO ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้ตนเองได้โฟกัสกับธุรกิจอย่างเต็มที่

เหตุผลที่การจ้างบริษัทรับทำหรือที่ปรึกษาด้าน SEO เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเนื่องจากความเชี่ยวชาญของมืออาชีพทำให้เห็นผลลัพธ์รวดเร็วกว่าการทำด้วยตัวเองและช่วยให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนด้วย ข้อดีคือบริษัทรับทำ SEO ทำงานด้านนี้ทุกวันจึงมีประสบการณ์และรู้วิธีการใหม่ๆ เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ให้ดีที่สุด ถ้ามีงบประมาณไม่มากพอ สามารถจ้างเป็นรายชั่วโมง รายเดือน หรือจ้างให้ช่วยออกแบบปรับปรุงเว็บไซต์ให้ดีขึ้นครั้งเดียวโดยไม่จำเป็นต้องผูกมัดในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม การทำ SEO เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องไม่มีหยุดเพื่อรักษาอันดับที่ดีไว้ทำให้เสียค่าใช้จ่ายต่อไปเรื่อยๆ จึงเป็นธรรมดาที่หลังจากจ้างมืออาชีพมาช่วยในช่วงเริ่มต้นจนผ่านไประยะหนึ่งแล้วเจ้าของธุรกิจพบว่าค่าใช้จ่ายสูงเกินรับมือไหว หากไม่มีงบประมาณมากพอที่จะจ้างต่อไปจริงๆ คิดว่าจะลงมือทำด้วยตัวเองเพื่อลดค่าใช้จ่ายก็ลองดูได้ไม่เสียหายอะไร ค่อยๆ เรียนรู้และปรับปรุงกันไป

ทำ SEO ด้วยตนเองดีอย่างไร

ในกรณีที่การจัดการธุรกิจค่อนข้างอยู่ตัวแล้ว ลองเรียนรู้การทำ SEO ก็เข้าท่าดีเหมือนกัน เพราะอย่างน้อยเจ้าของธุรกิจย่อมเข้าใจจุดแข็ง-จุดอ่อนของตนเองดีที่สุด และนำเสนอข้อมูลให้ถูกใจลูกค้าเป้าหมายและมีโอกาสที่จะขายสินค้าได้มากขึ้น ช่วงเริ่มต้นที่จ้างบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญมาช่วยวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าหรือบริการโดยเฉพาะมีความสำคัญมาก เพราะผู้เชี่ยวชาญจะมีความเข้าใจในเชิงลึกและเลือกคีย์เวิร์ดที่มีการค้นหาสูงช่วยให้ตัดสินใจได้ถูกต้องว่าควรใช้คีย์เวิร์ดแบบไหนดี แต่คีย์เวิร์ดนั้นไม่ได้ใช้ต่อเนื่องไปตลอด ต้องติดตามสำรวจพฤติกรรมและความสนใจของลูกค้าที่อาจเปลี่ยนไปจากเดิม หากต้องการลองทำ SEO ด้วยตนเอง สิ่งแรกที่จำเป็นคือการเลือกคีย์เวิร์ดให้เป็นโดยใช้ Keyword Planner ของ Google หรือโปรแกรมดูสถิติอื่นๆ ที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ทำให้มีโอกาสติดอันดับแรกๆ อย่างต่อเนื่องรวมทั้งเขียนบทความให้รองรับกับ SEO อย่างเหมาะสมจะประหยัดมากกว่าและเห็นผลได้เร็วด้วย

post

การวัดผลประสิทธิภาพ SEO นอกเหนือจากหน้าเว็บไซต์คืออะไร

การทำ SEO คือการสร้างเนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้หน้าเว็บไซต์ของเราได้รับการจัดอันดับในตำแหน่งที่ดีของ Search Engine โดยวัตถุประสงค์ในการทำ SEO คือ

วัตถุประสงค์ในการทำ SEO

การจัดอันดับ (Ranking) นอกจากการจัดอันดับการค้นหาที่ดีของเว็บไซต์แล้ว การทำให้ผู้คนคลิกเข้ามาอ่านเนื้อหาของเว็บไซต์ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน และการที่เว็บไซต์มีผู้มาเยือนเข้ามาอ่านหน้าเว็บบ่อย ๆ หรือสม่ำเสมอก็จะทำให้ผลการค้นหาอยู่ในอันดับที่ดีได้อย่างยั่งยืนกว่าการจ่ายเงินค่าโฆษณาเสียอีก

การสร้างความรับรู้ต่อแบรนด์สินค้า (Brand Awareness) เป็นการทำให้เว็บไซต์หรือแบรนด์ได้เป็นที่รู้จักของผู้คน และลูกค้า เป็นการสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าหรือบริการ และช่วยสร้างมูลค่าที่ดีให้กับแบรนด์อีกด้วย

การเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ (Website Traffic) เป็นการเพิ่มโอกาสขายสินค้า และยังเป็นการทำตลาดออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ

การช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (Visitor Targeting) เป็นการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายด้วยการสร้างคอนเทนต์ หรือสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ด้วยการใช้ Keyword ในบทความนั้น ๆ

อัตราการตอบโต้กับลูกค้า (Conversion Rate) อาจวัดผลจากยอดการเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับสินค้า ยอดการขายสินค้า ยอดของการกรอกแบบฟอร์ม หรือยอดการสมัครเข้าร่วมในธุรกิจตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้

การสร้างความน่าเชื่อถือ (Authority) การแสดงให้ทราบว่าแบรนด์มีความเชี่ยวชาญในสินค้าและบริการ เป็นวิธีที่ช่วยให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือในสายตาของลูกค้าได้ดี ส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกแบรนด์สินค้าได้ง่ายขึ้น

การช่วยให้แบรนด์เกิดการเติบโต (Business Growth) แบรนด์กลายเป็นที่รู้จัก หรือมียอดขายเพิ่มขึ้น ธุรกิจจึงเติบโตมากขึ้น

วิธีการวัดผลในการทำ SEO ประกอบไปด้วย

การวัดจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ (Number of Visitors) สามารถตรวจสอบได้ใน Category : Audience เพื่อตรวจสอบจำนวนการเข้าชม และจำนวนคนที่เข้าชมเว็บนั้น ๆ สามารถบ่งบอกถึงความนิยมของเว็บไซต์ และประสิทธิภาพของการทำ SEO ได้ดี

อัตราส่วนผู้เข้าชมเว็บไซต์ทั้งใหม่และเก่า (Ratio of New and Returning Visitors) Google Analytics จะนอกจากจะนับจำนวนผู้เข้าชมแล้ว ยังแสดงผลให้เห็นว่าผู้เข้าชมนั้นเป็นผู้เข้าชมใหม่ และเคยเข้ามาที่เว็บไซต์แล้วหรือไม่ ซึ่งการที่มีผู้กลับเข้ามาเยี่ยมชมหน้าเว็บซ้ำ (Returning Visitors) แสดงว่าเว็บไซต์นั้นสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้อ่านได้ดี

ระยะเวลาในการเข้าชมเว็บไซต์ (Session Duration) การพิจารณาว่าผู้ชมแต่ละราย อยู่ในหน้าเว็บไซต์นานเท่าใดเป็นการแสดงถึงประสิทธิภาพของคอนเทนต์ว่าสามารถดึงดูดผู้เข้าชม และสร้างปฏิสัมพันธ์ต่อพวกเขาได้ดีหรือไม่

จำนวนผู้ใช้งานที่มาจากการค้นหาบน Google แบบไม่เสียค่าโฆษณา (Number of Users from Organic SERPs) เป็นการค้นหาแบบ Organic Search ยิ่งมีผู้ใช้งานในลักษณะนี้มาก ยิ่งบ่งบอกว่าการทำ SEO นั้นได้ผลดี

ค่าเฉลี่ยเวลาที่ใช้ในการโหลดหน้าเว็บไซต์ (Average Speed) ระยะเวลาในการโหลดหน้าเว็บยิ่งนาน ยิ่งส่งผลเสียต่อทั้งผู้ใช้งาน และ Search Engine เพราะอาจทำให้พวกเขาออกจากหน้าเว็บได้ และอาจเปลี่ยนใจไปยังหน้าเว็บของคู่แข่งแทน หากผลการโหลดนาน ควรปรับปรุงให้ระยะเวลาการโหลดหน้าเว็บลดน้อยลงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

การวัดผล SEO ที่หลากหลายจะช่วยให้ผู้ที่ทำ SEO หรือเจ้าของเว็บไซต์นั้น ๆ สามารถทำการปรับปรุงแก้ไขเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพได้ดีมากยิ่งขึ้น เพิ่มโอกาสในการทำการตลาดที่ดีมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

post

ผลลัพธ์ที่ได้เมื่อธุรกิจทำ SEO ติดอันดับบนโลกออนไลน์

การทำธุรกิจไม่ใช่แค่มีหน้าร้านอีกต่อไป เพราะสมัยนี้คนที่ไม่ได้ลงทุนหน้าร้านกลับประสบความสำเร็จได้มากกว่า เหตุผลหลักอย่างหนึ่งคือ พวกเขาไม่จำเป็นต้องลงทุนค่าเช่า ค่าตกแต่งสถานที่ต่าง ๆ จึงช่วยประหยัดงบประมาณตรงนี้ไปได้พอสมควร แต่การทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเพราะต้องรู้จักการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับด้วย คำถามคือเมื่อทำ SEO จนเว็บติดอันดับต้น ๆ แล้ว จะมีผลดีอย่างไรกับธุรกิจ นี่คือคำตอบ

เว็บติดอันดับมีผลดีกับธุรกิจอย่างไร

มีกลุ่มเป้าหมายที่พร้อมเปลี่ยนเป็นลูกค้ามากขึ้น

การทำ SEO ให้กับเว็บไซต์นั้น ไม่เชิงเป็นการโฆษณาเต็มตัว แต่คล้ายกับว่าถ้าเว็บของคุณอยู่อันดับบน ๆ ของหน้าแรก Google ได้นานเท่าไหร่ โอกาสที่กลุ่มเป้าหมายจะเข้ามาในหน้าเว็บจนเกิดความสนใจและเปลี่ยนเป็นลูกค้าในอนาคตมีสูงมาก แถมยังวัดผลได้ชัดเจนว่าการทำเว็บแบบไหนได้ผลดี การทำแบบไหนควรแก้ไข เรียกว่าปรับเปลี่ยนได้ง่ายและทำให้ลูกค้ามีหลากหลายกลุ่มมากขึ้นกว่าเดิม

ธุรกิจกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น

แม้จะไม่ได้มีคนเป็นลูกค้าทันที แต่ชื่อเสียงของธุรกิจที่มีเว็บติดอันดับบนโลกออนไลน์จะทำให้คนรู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น มีการค้นหาร้านขายกีตาร์สักร้าน ชื่อร้านของคุณจะติดอันดับอยู่บ่อย ๆ แม้ว่าคนที่พบเว็บไซต์ของคุณนั้นอาจไม่ได้ให้ความสนใจโดยตรง แต่ถ้ามีเพื่อนหรือคนรู้จักที่ต้องการซื้อกีตาร์ เขาจะสามารถแนะนำร้านของคุณให้ได้ กลายเป็นอีกช่องทางที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักเว็บไซต์ของคุณมากขึ้นนั่นเอง

ยอดขายสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อมีลูกค้า มีคนบอกต่อ ย่อมทำให้ยอดขายสูงขึ้นได้เป็นเรื่องปกติ แต่ทั้งนี้คุณต้องพยายามรักษาอันดับของเว็บเอาไว้ให้ดีเสมอ เพราะวันหนึ่งลูกค้าเกิดค้นหาขึ้นมาแล้วไม่เจอ จะทำให้รู้สึกว่าคุณภาพธุรกิจของคุณลดลง จนอาจเปลี่ยนใจไปซื้อกับเจ้าอื่นแทนได้ ตรงนี้สำคัญคือ อย่าดีใจจนเกินเหตุว่าเว็บติดอันดับ SEO มีคนซื้อเยอะ ยอดขายเพิ่ม เพราะมันอันตรายในอนาคตถ้าไม่พัฒนาต่อไป

โอกาสประสบความสำเร็จมีสูง

ท้ายที่สุดเมื่อเว็บมีอันดับที่ดี มียอดขายพุ่งสูงขึ้น มีคนรู้จักในวงกว้าง ก็จะทำให้ธุรกิจมีโอกาสประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการด้วย เพราะเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้นก็ต้องรู้วิธีทำงานที่ถูกหลักเพื่อให้สามารถเดินไปข้างหน้าต่อได้อย่างราบรื่น ไร้อุปสรรคหรือปัญหาใหญ่ที่เข้ามากวนใจ

เห็นได้ชัดว่าผลลัพธ์ของการทำธุรกิจให้มีเว็บไซต์ติดอันดับ SEO ท้ายที่สุดคือการทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ในยุคนี้การทำ SEO จึงมีความสำคัญมาก ๆ อย่ามองข้าม หรือมั่นใจไปเองว่าการตลาดรูปแบบเดิม ๆ จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จเสมอไป การปรับตัวให้ทันเทคโนโลยีใหม่ ๆ จึงจะมีโอกาสสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจได้

เว็บติดอันดับมีผลดีกับธุรกิจอย่างไร

post

เมื่อทำเว็บไซต์ SEO จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างกับธุรกิจคุณ

การทำเว็บไซต์ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นกลยุทธ์การตลาดที่นักธุรกิจออนไลน์ยุคใหม่ได้รับคำแนะนำจากกูรูที่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลากหลายด้านกับธุรกิจออนไลน์ ทั้งนี้ ท่านที่ยังสงสัยหรือเป็นมือใหม่ในวงการซื้อขายออนไลน์อาจยังไม่เข้าใจ SEO ดีนัก เราจึงได้รวบรวมการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับเว็บไซต์ของคุณ หากทำ SEO ให้เว็บไซต์ออนไลน์เสียแต่วันนี้

ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่า SEO เป็นการพัฒนาเว็บไซต์ตามระบบที่ Search Engine กำหนดเพื่อส่งเสริมให้ผู้ที่สร้างสรรค์เว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูง จะถูกแสดงเป็นอันดับต้น ๆ ในหน้าต่างการสืบค้น เมื่อมีกลุ่มคนเป้าหมายใช้ Keyword SEO ที่ตรงกัน ก็จะปรากฏเว็บไซต์คุณเป็นอันดับที่ 1- 10 ที่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า ทำให้มียอดการคลิกเข้ามาชมและมีโอกาสขายสินค้าได้สูง สิ่งที่จะเกิดตามมาเมื่อคุณทำ SEO ให้เว็บไซต์ จึงมีดังนี้

1. ทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้นในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และสร้างการจดจำได้ เช่น เมื่อต้องการใช้บริการร้านดอกไม้ออนไลน์ก็จะนึกถึงร้านคุณเป็นอันดับต้น ๆ หากปรากฏผลทุก ๆ ครั้งที่ค้นหา เพราะคุณทำ SEO สม่ำเสมอ

2. ทำให้ยอดขายสูงขึ้น จากที่กล่าวไปแล้ว เมื่อลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเห็นชื่อเว็บไซต์คุณเป็นอันดับต้น ๆ ก็จะเกิดการคลิกเข้ามาชมข้อมูลและสั่งซื้อสินค้าด้วยความไว้วางใจมากกว่าเว็บไซต์อันดับล่าง ๆ

3. เกิดภาพลักษณ์ที่ดี หากคุณสร้างบทความ SEO ที่มีคุณประโยชน์แก่คนอ่าน เช่น การเลือกสีดอกไม้ให้ผู้รับในโอกาสต่าง ๆ เทคนิคการสังเกตดอกไม้ว่าสดใหม่ เป็นต้น จะทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจในคุณภาพของบทความ และหากมีการทำคลิปวีดีโอการจัดดอกไม้ไว้ด้วย ก็ยิ่งทำให้ลูกค้าเห็นว่าคุณมีความตั้งใจในการทำเว็บไซต์มาก จะได้รับการสนับสนุนสั่งจองดอกไม้ และมีภาพลักษณ์ที่ดีในระยะยาว

4. ลูกค้าประจำช่วยบอกต่อ เมื่อทำ SEO ต่อเนื่อง จะทำให้มีลูกค้ามาใช้บริการซ้ำมากขึ้น และเกิดกระแสบอกต่อ ทำให้ธุรกิจขยายตัว เกิดลูกค้ากลุ่มใหม่ตามมา

5. ขยายกิจการไปยังลูกค้าต่างประเทศ การทำเว็บไซต์ SEO ที่เป็นระบบ 2 ภาษา เช่น มีภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษด้วย จะทำให้มีโอกาสที่ Keyword จะถูกค้นพบโดยชาวต่างชาติจากการค้นหาใน Google, Bing, Yahoo คุณจึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโฆษณาในต่างประเทศ ดังนั้น SEO จึงเป็นเทคนิคที่ช่วยประหยัดต้นทุนทางธุรกิจได้อย่างมาก

จะเห็นได้ว่า การทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ทางธุรกิจทุกประเภท จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างทวีคูณ หวังว่าบทความนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกท่านใส่ใจการทำเว็บไซต์ SEO กันมากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้ประสบความสำเร็จในกิจการระยะยาว

SEO เป็นการพัฒนาเว็บไซต์ตามระบบ

post

รู้ได้อย่างไรว่าคีย์เวิร์ดใดยากง่ายในการทำ SEO

การทำ SEO นั้น เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ที่ต้องอาศัยประสบการณ์อย่างมาก หากคุณเป็นมือใหม่อยากทำ SEO ก็จะใจร้อนไม่ได้เลย เพราะต้องอาศัยการสังเกตและเผ้าติดตามอย่างอดทน และแน่นอนสิ่งที่คุณต้องเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างเลี่ยงไม่ได้ก็คือ คีย์เวิร์ด ต่าง ๆ นั่นเอง

คีย์เวิร์ดนั้นมีเป็นร้อยเป็นพันคำ แล้วคำไหนล่ะที่เหมาะสมที่จะนำมาทำ SEO ในบทความนี้เราจะมาดูกันก่อนว่าลักษณะของคีย์เวิร์ดที่ยากและง่ายนั้น เป็นอย่างไร

คีย์เวิร์ดที่ยากในการแข่งขัน

คีย์เวิร์ดที่ยากที่สุด คือ คำเดียว เช่น ดูดวง หางาน ฟังเพลง โหลดเกม หาเพื่อน ความรัก หวย ประกาศ คอนโด บ้าน หมา แมว เป็นต้น ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะใช้ในการค้นหาสิ่งที่ต้องการเหล่านี้ในแต่ละวันเป็นจำนวนครั้งที่สูงมาก หรือเป็นคีย์เวิร์ดที่อยู่ในวงการธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง เช่น ประกันชีวิต ประกันรถยนต์ เงินฝากดอกเบี้ยสูง เป็นต้น ซึ่งการทำ SEO ให้กับคีย์เวิร์ดเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะการแข่งขันสูงมาก ต้องใช้ทั้งเงินและเวลาในการสร้างเครือข่ายและเนื้อหาที่โดนใจคนอ่าน ต้องมีเนื้อหาใหม่ ๆ มาคอยอัปเดตและเป็นเนื้อหาที่ถูกต้อง มีความน่าเชื่อถือและได้รับการรับรองจากเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก จึงจะทำให้เว็บไซต์สามารถติดอันดับหน้าแรกด้วยคีย์เวิร์ดสั้น ๆ เพียงคำเดียวได้

คีย์เวิร์ดที่ง่ายในการแข่งขัน

ในทางตรงข้ามกับคีย์เวิร์ดที่ยาก คีย์เวิร์ดที่ง่ายก็คือมีจำนวนพยางค์มากกว่า มีคำมากกว่า ก็จะทำให้แข่งขันได้ง่ายขึ้นเพราะคู่แข่งน้อยลง หรือจะเรียกว่ามีความตรงกลุ่มเป้าหมายมากกว่า กล่าวคือเป็นนิชคีย์เวิร์ด (Niche Keyword) การใช้คีย์เวิร์ดลักษณะวลีหรือประโยค แบบ 2 คำ หรือ 3 คำ ก็จะมีความเจาะจงมากกว่า สื่อถึงสินค้าและบริการของคุณจริง ๆ เช่น เป็น คีย์เวิร์ด+ชื่อสถานที่ คีย์เวิร์ด+คุณศัพท์อื่น ๆ เช่น “รับจ้างเลี้ยงหมา รายวัน ราคาไม่แพง” หรือ “ซักแห้ง คลองเตย” หรือ “ร้านดอกไม้ ทิวลิป เอกมัย” คำเหล่านี้ดูจะเป็นคีย์เวิร์ดที่สามารถทำเงินได้ดีมากด้วย เพราะมีความเจาะจงมากกว่า

คีย์เวิร์ดที่ยากในการแข่งขัน

ในการเริ่มต้นนั้น คุณควรจะเริ่มจาก คีย์เวิร์ดที่ง่ายในการแข่งขันก่อน เพราะว่าใช้ระยะเวลาไม่นานเกินไป อีกทั้งง่ายต่อการติดอันดับหน้าแรกของ Google ด้วย เมื่อทำได้แล้วก็จะสร้างกำลังใจให้กับคุณว่าสามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งระหว่างที่ทำ SEO คีย์เวิร์ดง่าย ๆ มานั้น คุณก็จะได้เรียนรู้เพิ่มเติมและมีประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น รู้ว่าสิ่งใดทำแล้วเห็นผลสิ่งใดไม่เห็นผล ซึ่งจะเป็นความรู้เฉพาะตัวที่ไม่มีใครมาเอาไปจากคุณได้ หลังจากนี้ไม่ว่าจะเป็นคีย์เวิร์ดยากหรือง่าย คุณก็มีความมั่นใจที่จะลงมือทำ SEO อย่างไม่ย่อท้อแล้ว

post

กลยุทธ์การใช้คีย์เวิร์ดเพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO

เว็บไซต์มีการแข่งขันกันตลอดเวลา การจัดอันดับเว็บใน Google จึงปรับเลื่อนขึ้นและลงอยู่เสมอ ใครหยุดนิ่งอยู่กับที่ก็มีแต่ละถูกลดอันดับลงไปเรื่อย ๆ สิ่งที่ทำให้การจัดอันดับดีขึ้นมีหลายปัจจัยด้วยกัน บทความคือองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ลูกค้าเป้าหมายเข้าใจธุรกิจและสินค้าเพิ่มขึ้น มีโอกาสรู้จักแบรนด์และกระตุ้นยอดขายมากขึ้น ไม่เฉพาะการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพหรืออัปเดตคอนเทนต์ใหม่ ๆ เท่านั้น การวิจัยคีย์เวิร์ดก็เป็นขั้นตอนจำเป็นเพื่อดึงดูดผู้เข้าชมและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องมือค้นหา ช่วยให้การตลาดออนไลน์ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

การเลือกคำหลักและใส่ลงในบทความจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรรู้ มีคำแนะนำมาฝากกันดังนี้

1.ค้นหาคำหลักที่เหมาะสม

การเลือกคีย์เวิร์ดเป็นขั้นตอนสำคัญในการเขียนบทความเพื่อทำ SEO โดยพิจารณาคำที่ตรงกับธุรกิจและอุตสาหกรรม สินค้าและบริการ ก่อนอื่นจะต้องรู้ว่าคำหลักคำใดดีที่สุดสำหรับเว็บไซต์เพื่อใช้เป็นตัวหลักในบทความ ส่วนคำอื่น ๆ เป็นคำรองที่สลับกันได้ในแต่ละบท มีเครื่องมือฟรีมากมายช่วยทำการวิจัยคำหลัก เช่น Google Keyword หรือเครื่องมือยอดนิยมที่ต้องเสียเงิน เช่น AHREFS, Semrush, Woorank

โดยคำหลักที่ดีต้องไม่มีการแข่งขันสูงเกินไป ตัวอย่างเช่น “ช่างซ่อมรถยนต์” เป็นคำทั่วไปที่จะปรากฏคำค้นหาจำนวนมาก ควรเลือกคำหลักที่เฉพาะเจาะจงกว่านั้น เช่น “ช่างซ่อมรถยนต์ในเขตปทุมวัน กรุงเทพฯ” นอกจากนี้ยังใช้คำหลักที่มีความยาว 3-4 คำขึ้นไปเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและสะดวกกับเครื่องมือค้นหาด้วย เช่น “วิธีตรวจเช็คสภาพรถยนต์เบื้องต้น” หรือ “จุดตรวจเช็ครถก่อนเดินทางไกล” และ “การตรวจระดับน้ำมันต่าง ๆ ” สามารถใส่ลงในหัวข้อบทความได้เลย ทำให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายค้นพบบทความและเว็บไซต์ได้ง่าย สามารถติดต่อขอข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติมในภายหลัง

2.ใช้คำหลักในตำแหน่งที่ถูกต้อง

เมื่อค้นพบคำหลักตรงเป้าหมายแล้วให้ใช้เพียง 1-2 คีย์เวิร์ดในแต่ละบทความ ตำแหน่งที่เหมาะสมคือพาดหัวบทความ ย่อหน้าแรก ส่วนที่เหลือกระจายไปในแต่ละย่อหน้า และย่อหน้าสุดท้าย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เครื่องมือค้นหามีการรวบรวมข้อมูลทำให้รู้ว่าโพสต์นั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ถ้าบทความค่อนข้างสั้นไม่จำเป็นต้องใส่คีย์เวิร์ดถี่เกินไป อย่างน้อยควรมี 1 คำในย่อหน้าแรกที่เป็นคำนำ และอีก 1 คำในย่อหน้าสุดท้ายที่เป็นบทสรุป คีย์เวิร์ดจะต้องกลมกลืนไปกับเนื้อหาอย่างเป็นธรรมชาติ หลีกเลี่ยงการใช้คำที่ไม่เกี่ยวข้องหรือคำศัพท์เฉพาะอย่างเช่นศัพท์ทางเทคนิคและวิศวกรรมต่าง ๆ ซึ่งยากเกินไปไม่มีประโยชน์กับการทำ SEO แนะนำให้เลือกคำทั่วไปที่คนส่วนใหญ่ใช้ในการค้นหาข้อมูล สุดท้ายตรวจสอบให้แน่ใจว่าคำหลักนั้นมีอยู่ใน URL และ Meta Tag ซึ่งเป็นคำอธิบายรายละเอียดของเนื้อหาในหน้าเว็บนั้น เพื่อสร้างเส้นทางให้ผู้ค้นหาพบเห็นและคลิกเพื่ออ่านบทความเต็ม

การเขียนบทความที่กระชับ เพิ่มหัวข้อย่อยและมีย่อหน้าเล็ก ๆ จะเพิ่มประสิทธิภาพของหน้าเว็บให้อ่านง่ายบนหน้าจออุปกรณ์มือถือ ซึ่งทาง Google เริ่มให้ความสำคัญในการจัดอันดับหน้าเว็บยอดนิยมเมื่อเร็ว ๆ นี้ เนื้อหาที่อ่านง่าย มีขนาดที่เหมาะสมสำหรับหน้าจอ ถือว่าตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างยอดเยี่ยมจะได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้นด้วย

การเลือกคำหลักและใส่ลงในบทความ

post

การทำ SEO สำหรับธุรกิจขนาดเล็กครองตลาดท้องถิ่น

โลกเทคโนโลยีคืบคลานเข้าหาทุกธุรกิจ ไม่ว่าคุณจะเป็นกิจการขนาดเล็กแค่ไหนก็ตาม จำเป็นต้องเปิดเว็บขายออนไลน์เพื่อสยายปีกทางอินเทอร์เน็ตให้เติบโตมากขึ้น ลองมองในมุมของผู้บริโภคทุกวันนี้ ถ้าคุณต้องการสั่งซื้ออาหารมื้อเย็นแสนอร่อยที่คุณจะค้นหาร้านอาหารเปิดใหม่ให้ส่วนลดดีที่สุดได้อย่างไร จากอินเตอร์เน็ตใช่หรือไม่ เวลาคุณต้องการซื้อของขวัญวันเกิดในนาทีสุดท้ายคุณดูที่ไหน ใช่แล้ว อินเทอร์เน็ตเช่นกัน ผู้บริโภคค้นหาผลิตภัณฑ์สินค้าหรือบริการที่เปิดขายออนไลน์ โดยเฉพาะ Google เป็นช่องทางที่ดีที่สุด ถ้าคุณต้องการให้ธุรกิจขนาดเล็กของคุณอยู่ใกล้แค่ปลายนิ้วของลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียง สามารถส่งสินค้าได้รวดเร็วทันใจ ต้องเน้นการทำ SEO เพื่อให้ธุรกิจของคุณอยู่ในสายตาและเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของลูกค้าเป้าหมาย

SEO ช่วยให้ร้านของคุณติดอันดับดีได้

การทำ SEO ให้ชื่อร้านติดอันดับดีใน Google จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และส่งเสริมการตลาดธุรกิจออนไลน์ให้ได้รับความสนใจจากลูกค้าท้องถิ่นมากขึ้น เหมาะสำหรับเจ้าของธุรกิจที่ต้องหารให้ผู้คนที่มาเยี่ยมชมหน้าร้านของตน เช่น ร้านอาหาร เสื้อผ้าแฟชั่น หรือสินค้าแฮนด์เมด การเปิดเว็บไซต์และเขียนบทความพร้อมกับทำ SEO จะชี้ชวนให้ลูกค้าหน้าใหม่เดินผ่านประตูเข้ามาเยี่ยมชมร้านของคุณมากขึ้น ไม่ต่างจากการลงโฆษณาในนิตยสารและทางโทรทัศน์ เพียงแต่การทำตลาดออนไลน์ง่ายและประหยัดกว่า นอกจากนั้นการค้นหาร้านค้าบนโทรศัพท์มือถือสามารถดึงดูดลูกค้าท้องถิ่นกว่าครึ่งที่สนใจสินค้านั้นอยู่แล้วเดินเข้าไปเยี่ยมชมร้านค้ามากขึ้นด้วย

ดังนั้น ถ้าคุณต้องการให้ธุรกิจของคุณเป็นตัวเลือกแรกและยึดครองส่วนแบ่งตลาดท้องถิ่นมากขึ้น แนะนำให้ศึกษาการทำ SEO คุณโดดเด่นในเครื่องมือค้นหาให้มากที่สุด ก่อนอื่นจะต้องสร้างบัญชี Google My Business เป็นวิธีง่ายที่สุดในการทำให้ธุรกิจของคุณนำหน้าคู่แข่งและติดอันดับแรก ๆ ของการแสดงผลบนมือถือ เพียงป้อนข้อมูลของคุณลงในบัญชี Google แสดงที่อยู่ , หมายเลขโทรศัพท์ , เวลาทำการ , รูปภาพ , แผนที่และข้อมูลอื่นๆ เพื่อให้ลูกค้าที่สนใจค้นหาร้านและติดต่อได้ง่ายขึ้น

SEO ช่วยให้ร้านของคุณติดอันดับดีได้

คุณสามารถทำ SEO ด้วยการสร้างโปรไฟล์ธุรกิจในท้องถิ่นในเว็บไซต์ค้นหายอดนิยมอื่น ๆ รวมทั้ง TripAdvisor , Yellow Pages และ Foursquare เป็นอีกแพลตฟอร์มหนึ่งสำหรับการลงโฆษณาออนไลน์และแสดงผลการค้นหาผู้บริโภคเห็นธุรกิจของคุณมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่าลืมสร้างลิงก์เชื่อมโยงกลับมายังเว็บไซต์ของคุณ หากคุณมั่นใจในสินค้าและบริการ รีวิวจากลูกค้ามีบทบาทสำคัญช่วยกระตุ้นยอดผู้ชมและดึงดูดลูกค้าใหม่เข้ามาใช้บริการมากขึ้น แน่นอนว่าการรีวิวมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งข้อดีที่สุดคือการปรับปรุง SEO ทำให้ธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จักแพร่หลายอย่างรวดเร็ว ยิ่งมีรีวิวเชิงบวกมาก ๆ จะส่งผลให้ Google และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ เลื่อนอันดับผลการค้นหาให้ดีขึ้นอีกด้วย ทุกครั้งที่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ ควรฝึกอบรมพนักงานในร้านของคุณให้ขอความเห็นจากลูกค้าเพื่อคัดเลือกความเห็นในด้านดีเชื่อมโยงไปยังโปรไฟล์ความเห็นบนเว็บไซต์ของคุณและโซเชียลมีเดีย เพราะผู้บริโภคชอบความคิดเห็นออนไลน์ รู้แล้วชอบกดไลค์ กดแชร์ ช่วยเพิ่มพลังแม่เหล็กดึงดูดลูกค้ามาอุดหนุนธุรกิจของคุณมากขึ้นแน่นอน

post

SEO ผลักดันสตาร์ทอัพให้ประสบความสำเร็จ

หากคุณเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่กำลังพยายามผลักดันธุรกิจสตาร์ทอัพให้ประสบความสำเร็จ การทำ SEO อาจเป็นแผน นักการตลาด ที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่อย่ากลัวการเรียนรู้ เพราะถือเป็นโฆษณาการตลาดขั้นพื้นฐานที่เข้าใจง่าย ใครๆ ก็ทำได้ หรือถ้าต้องการคุณภาพและหวังประสิทธิภาพสูงสุดอาจลงทุนจ้างบริการทำ SEO เข้ามาช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จักและขยายตัวออกไปในเวลาอันรวดเร็ว การเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายในวงกว้างเท่ากับเปิดประตูให้คนเข้ามาดูสินค้า แม้จะการันตีไม่ได้ว่าคนเข้าเว็บจำนวนมากจะเพิ่มยอดขายให้คุณ แต่ย่อมมีโอกาสปิดการขายได้มากขึ้นจริง โดยไม่ต้องทุ่มค่าใช้จ่ายด้านโฆษณาเป็นเงินก้อนโตเหมือนกับการโปรโมทเว็บรูปแบบอื่นๆ ด้วย ความเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจซบเซาเช่นนี้ ช่วยให้ธุรกิจของคุณสร้างกำไรได้มากกว่าธุรกิจสตาร์ทอัพรายอื่นในตลาดเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย

หากคุณกำลังสนใจการทำ SEO เพื่อพัฒนาธุรกิจของคุณให้ดียิ่งขึ้น ก่อนอื่นต้องอาศัยคีย์เวิร์ดเป็นเครื่องนำทางให้กลุ่มเป้าหมายที่จะมาเป็นลูกค้าในอนาคตได้รู้จักแบรนด์และผลิตภัณฑ์ เขียนบทความที่มีเนื้อเกี่ยวกับสินค้า พูดถึงประโยชน์และเหตุผลที่ต้องเลือกของเรา จุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งในตลาดเดียวกัน เพื่อให้ผู้ค้นหามีความต้องการในสินค้าของคุณให้ได้ ส่วนหนึ่งของบทความควรเป็นรีวิวสินค้าจากผู้บริโภคได้ทดลองใช้สินค้าจริงๆ แล้วเกิดความประทับใจ การนำเสนอแบบเล่าปากต่อปากเป็นวิธีที่ใช้ได้ผลเสมอ ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นดารามีชื่อเสียง พริตตี้ที่คนรู้จักหรือคนธรรมดาที่ใช้ผลิตภัณฑ์แล้วพึงพอใจก็ตาม ช่วยให้คนมาใหม่มีความต้องการสินค้า รวมถึงลูกค้าเดิมเข้ามาอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง

เลือกคียเวิร์ดในการเขียนบทความ

การเขียนบทความจะต้องเลือกคีย์เวิร์ดที่ถูกต้องและแทรกเข้าในเนื้อหาอย่างเหมาะสม ส่วนหนึ่งอาจใช้คลิปวิดีโอแทนการเขียนข้อความ พร้อมกับบรรยายรายละเอียดที่ใส่คีย์เวิร์ดเพื่อเป็นลิงก์ให้ลูกค้าเข้ามาเห็นและกลายมาเป็นลูกค้าของคุณได้ ไม่ได้มีงบประมาณมากนัก การสร้างช่องทางให้ลูกค้าใหม่รู้จักจะต้องนำเสนอให้ถูกจุด โดยรู้ว่าคีย์เวิร์ดที่จะใช้ค้นหาสินค้ามีอะไรบ้าง ตั้งแต่การมองหากลุ่มสินค้ากว้างๆ แล้วลดลงเป็นกลุ่มย่อย เช่น “ประกันภัย” จากนั้นใช้คำค้นหาที่แคบลงเป็น “ประกันภัย รถยนต์” ต่อมาเลือกคำเฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น เช่น “ประกันภัย รถยนต์ มือสอง” นำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณจะสามารถสร้างประโยชน์และผลักดันธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น

ในส่วนของการเขียนบทความแนะนำสินค้าจะต้องเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าด้วย โดยเขียนเนื้อหาคอนเทนต์เกี่ยวข้องกับสินค้าและสิ่งที่ลูกค้าคาดหวัง กลยุทธ์การทำ SEO ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีของธุรกิจสตาร์อัพ ยิ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้มากเท่าไร โอกาสขายสินค้าในอนาคตก็อาจจะเกิดขึ้นได้ง่ายดายเท่านั้น พยายามอัพเดทบทความเพิ่มเติมอยู่เรื่อยๆ เพิ่มความแปลกใหม่เข้าไปเพื่อให้โดนใจผู้บริโภค เข้ามาอ่านซ้ำๆ ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดความสนใจซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง

การทำ seo สำคัญ