post

รวม 4 วิธีการทำ SEO แบบเน้น ๆ สำหรับการต่อยอดธุรกิจ

หลาย ๆ ธุรกิจมีการเติบโตและมีความมั่นคงมากขึ้นจากการทำการตลาดออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ ใครที่อยากจะพัฒนาหรือต่อยอดธุรกิจให้ไปไกลขึ้น ต้องไม่ลืมจุดสำคัญของช่องทางออนไลน์อย่างเว็บไซต์ ซึ่งสามารถที่จะยกระดับและพัฒนาเว็บไซต์ผ่านการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์เป็นเว็บไซต์อันดับต้น ๆ สำหรับหน้าการค้นหาจาก search engine 

  1. ปรับปรุงคอนเท้นต์ภายในเว็บไซต์ให้มีความสดใหม่และมีความน่าสนใจ โดยเนื้อหาภายในนั้นควรที่เป็นเนื้อหาที่เขียนขึ้นมาเอง มีการแก้ไข เรียบเรียงใหม่ให้สามารถเข้าใจได้ง่าย ตอบโจทย์ผู้และเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านอย่างแท้จริง เนื้อหาและคีย์เวิร์ดก็ต้องมีความสัมพันธ์กัน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีความสอดคล้อง สามารถตอบคำถามผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้ ยิ่งถ้าหากว่าภายในเว็บไซต์มีการเข้าชมและผู้ชมให้ความสนใจกับเนื้อหามีการใช้ระยะเวลาในการชมเว็บไซต์ที่นานก็จะทำให้มีโอกาสในการเลื่อนลำดับของเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น
  1. ปรับปรุงเรื่องการดาวน์โหลดเว็บไซต์ให้มีความรวดเร็วขึ้น รวมถึงการทดสอบความเร็วของการดาวน์โหลดเว็บไซต์ด้วยที่ควรต้องทดสอบเป็นประจำ ผู้ชมหลายคนเลือกกดเข้ามาในเว็บไซต์จากหน้าการค้นหาแต่ถ้าหากว่ามีการดาวน์โหลดเว็บไซต์ที่ช้า ทำให้มีช่วงระยะเวลาการรอคอย ก็จะลดโอกาสในการเข้ามารับชมเว็บไซต์และทำให้ผู้ชมอาจเลื่อนผ่าน กดออกไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ 
  1. สร้างการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของตนเองจากเว็บไซต์ภายนอกอื่น ๆ หรือการทำ Link Building Exercise ยิ่งถ้าหากมาจากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและมาจากหลากหลายเว็บไซต์ ก็จะทำให้เว็บไซต์ดูมีความน่าเชื่อถือและมีเครดิตมากยิ่งขึ้น ช่วยส่งเสริมให้การเลื่อนอันดับของเว็บไซต์ได้ดีขึ้น
  1. สิ่งสำคัญที่หลายคนอาจหลงลืมไปในระหว่างที่ได้ทำ SEO แล้ว เมื่อผ่านระยะเวลาไปช่วงหนึ่งก็ควรที่จะมีการตรวจสอบหรือ audit SEO ด้วยเช่นกัน เป็นเสมือนการกระตุ้นเตือนให้เจ้าของเว็บไซต์หรือธุรกิจไม่ได้นิ่งนอนใจ หรือวางใจกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่โดยที่ไม่ได้มีการพัฒนาเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง โดยจริง ๆ แล้วการทำ SEO นั้นควรที่จะมีการทำอย่างสม่ำเสมอ อย่างที่จะสังเกตเห็นได้จากเว็บไซต์หลาย ๆ เว็บไซต์มีการผลัดกันขึ้นลงสำหรับอันดับในหน้าการค้นหา เพราะต่างก็มีการทำ SEO และพัฒนาเว็บไซต์อยู่เสมอ ๆ ฉะนั้นถ้าหากเราหยุดก็เท่ากับว่าอาจจะมีคนอื่นแซงหน้าเราไปได้ด้วยเช่นกัน

วิธีการทำ SEO ที่ได้นำมาเสนอข้างต้นเพื่อสามารถนำไปทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพ ตลอดทั้งกระบวนการ ถ้ามีการนำไปพัฒนาและศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเว็บไซต์และทีมงานมืออาชีพด้านการพัฒนาเนื้อหาและโครงสร้างเว็บไซต์ก็จะสามารถทำให้เว็บไซต์ต่อยอดไปได้ไกลมากขึ้น

post

5 ข้อดีของ SEO มีดีอะไรมากกว่าแค่ดันอันดับเว็บ

เมื่อพูดถึง SEO ทุกคนคงพุ่งประเด็นไปที่การดันอันดับเว็บไซต์ให้แสดงในผลลัพธ์ลำดับต้น ๆ ของหน้าการค้นหาเพียงอย่างเดียว จริงอยู่ที่ว่าการพัฒนาอันดับเว็บให้สูงขึ้นเป็นเป้าหมายหลักของการทำ SEO แต่ในความเป็นจริงแล้ว SEO มีประโยชน์ในแง่มุมอื่นอีกหลายด้านที่สามารถส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจได้เป็นอย่างดี ดังนั้นบทความในวันนี้จะพาทุกคนไปปรับมุมมองที่มีต่อ SEO และทำให้ทุกคนรู้จักเครื่องมือทางการตลาดชิ้นนี้มากขึ้น

  1. เพิ่ม Traffic ให้กับหน้าเพจ

การมี Traffic เยอะหมายถึงการมีคนเข้ามาเยี่ยมชมหน้าเว็บไซต์เป็นจำนวนมาก ซึ่งหากจะเปรียบเทียบให้เห็นชัด สิ่งนี้เหมือนการที่คุณเปิดหน้าร้านแล้วมีคนเดินผ่านไปมา แวะเวียนเข้ามาชมสินค้าจำนวนมากนั่นเอง ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขาย เพิ่มโอกาสที่คนจะซื้อสินค้าหรือบริการจากร้านของเรา เป็นการเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่เข้ามาในระบบอีกด้วย

  1. การลงทุนการตลาดที่คุ้มค่า

การทำ SEO เป็นการตลาดออนไลน์ที่ใช้ต้นทุนไม่สูงมากเมื่อเทียบกับแนวทางอื่น ๆ จึงนับเป็นการใช้งบประมาณด้านการโฆษณาอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น SEO ยังมีหลายช่องทางในการพัฒนา แม้แต่เครื่องมือที่ทำได้ด้วยตนเองแบบฟรี ๆ ยังมีให้เลือกใช้ จึงมีทางเลือกในการพัฒนาที่หลากหลาย แถมทำครั้งเดียวยังส่งผลดีต่อตัวแบรนด์ในระยะยาวอีกด้วย

  1. ทำให้คนรู้จักแบรนด์มากขึ้น

การทำ SEO สามารถส่งผลให้คนรู้จักกับตัวตนของแบรนด์มากขึ้น ลูกค้ารับรู้การมีอยู่ของแบรนด์ และช่วยเพิ่มมูลค่าทางการตลาดได้เป็นอย่างดี ซึ่งในวงการการตลาด เราเรียกสิ่งนี้ว่า การสร้าง Brand Awareness ลองนึกภาพ      แบรนด์ที่เห็นแค่ชื่อหรือโลโก้ ทุกคนจะนึกภาพของสินค้าหรือบริการออกทันที สิ่งนี้สามารถสร้างได้ด้วยการทำ SEO เช่นกัน

  1. สร้างความน่าเชื่อถือ

การมีการเคลื่อนไหวบนโลกออนไลน์ เช่น มีการทำคอนเทนต์ใหม่ ๆ มีการเพิ่ม backlink อย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่ขั้นตอนของ SEO ที่ใช้ในการดันอันดับขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ลูกค้าเห็นแบรนด์ในท้องตลาดมาดขึ้น รู้ว่าแบรนด์มีการพัฒนาและพยายามดำเนินกิจกรรมส่งเสริมลูกค้าอยู่อย่างสม่ำเสมอ สิ่งนี้จะสามารถใช้สร้างความเชื่อมั่นในสายตาลูกค้าได้เป็นอย่างดี

  1. ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กมีที่ยืน

บางธุรกิจมีบริษัทเจ้าใหญ่ที่ครอบครองตลาดในสัดส่วนสูงมาก เมื่อมีธุรกิจรายย่อยหรือธุรกิจขนาดเล็กก้าวเข้ามามีบทบาท ความสามารถในการแข่งขันกลับต่ำมาก จนไม่มีวันเอาชนะแบรนด์ใหญ่ได้ แต่การทำ SEO สามารถทำให้ แบรนด์เล็กแย่งพื้นที่ในสื่อออนไลน์มาได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้มีอัตราการแข่งขันสูงขึ้นนั่นเอง

ทุกคนคงเห็นภาพกันมากขึ้นแล้วว่า SEO ส่งผลดีขนาดไหนต่อธุรกิจ การทำ SEO นอกจากจะมีประโยชน์มากมายแล้ว ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับธุรกิจหลากหลายประเภท และมีข้อจำกัดค่อนข้างน้อย หากผู้ประกอบการท่านใดยังไม่เริ่มต้นทำ SEO ควรจะพิจารณาเลือกอุปกรณ์ทางการตลาดชิ้นนี้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาแบรนด์ได้เลย 

post

5 เคล็ดลับ ในการเลือกคีย์เวิร์ด SEO ให้มีประสิทธิภาพ

การทำการตลาดออนไลน์ที่ดีต้องมีการคำนึงถึงความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าเป็นหลัก โดยหนึ่งในการตลาดที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันคือการทำ SEO โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มอันดับการค้นหาบนโลกอินเตอร์เน็ต ซึ่งจะนำไปสู่การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กำลังนั่งเสิร์จหาข้อมูลสินค้าอยู่ที่บ้าน และยังทำให้เว็บไซต์ธุรกิจติดอยู่บนลำดับต้น ๆ ของผลการค้นหาใน Google อีกด้วย สิ่งนี้เป็นกลยุทธ์ที่อาจจะตัดสินว่า SEO จะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวคือการเลือกใช้คีย์เวิร์ด ดังนั้นวันนี้เราจะนำเคล็ดลับในการเลือกคีย์เวิร์ดที่ทำให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพมาแนะนำให้ผู้อ่านได้ศึกษากัน

  1. เลือกคีย์เวิร์ดที่สอดคล้องกับธุรกิจ

โดยต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับธุรกิจที่ต้องการนำเสนอ และควรเป็นคำที่มีมีการค้นหาบ่อย ๆ หรือเรียกว่ามี Search Volume ปริมาณมาก ไม่ใช่เลือกใช้คำที่ไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจ 

  1. ใส่คำบรรยายสินค้าและบริการที่ต้องการนำเสนอ

ใส่คำที่แสดงถึงการให้บริการที่มีความเจาะจง โดยเชื่อมโยงกับความต้องการของลูกค้าที่เฉพาะเจาะจงขึ้น เช่น ธุรกิจคือร้านอาหารที่มีลานจอดรถ แทนที่จะใช้คีย์เวิร์ดว่า “ร้านอาหาร” อย่างเดียว การเลือกใช้คีย์เวิร์ดว่า “ร้านอาหาร มีที่จอดรถ” จะสามารถทำให้ลดจำนวนคู่แข่งและตรงตามความต้องการของลูกค้าที่กำลังค้นหาข้อมูลมากกว่าการใช้คำแบบธรรมดาทั่วไป 

  1. คีร์เวิร์ดที่ลูกค้าจะค้นหาเพื่อหาข้อมูลก่อนซื้อสินค้าและบริการ

สิ่งนี้เป็นอีกเทคนิคที่น่าสนใจ โดยต้องคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าที่จะค้นหาบนอินเตอร์เน็ตด้วยคำถามหรือข้อสงสัย ที่จะถูกใช้เพื่อหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ สามารถยกตัวอย่างได้ดังนี้ หากลูกค้าต้องการหาซื้อรองเท้าปีนเขา สามารถเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เป็นคำถาม เช่น “รองเท้าปีนเขา ยี่ห้อ ไหนดี” วิธีการแบบนี้จะทำให้เว็บไซต์มีโอกาสไต่อันดับการค้นหาที่สูงขึ้นได้

  1. เพิ่มคำเจาะจงสถานที่เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายในท้องถิ่น

หลายครั้งผู้ที่มองหาสินค้าหรือบริการ จะตัดสินใจเลือกใช้สิ่งที่อยู่ในพื้นที่ที่ต้องการด้วยเช่นกัน ดังนั้นการเพิ่มคำค้นหาที่ระบุพิกัดหรือตำแหน่งของร้านค้าลงไปจะช่วยทำให้ดึงดูดกลุ่มลูกค้าในท้องถิ่นมากขึ้น และจะทำให้อันดับการค้นหาของกลุ่มเป้าหมายในท้องถิ่นสูงขึ้นอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจฟิตเนสที่มีสาขาอยู่ในเขตพญาไท สามารถเลือกใช้คีย์เวิร์ดว่า “ฟิตเนส พญาไท” ซึ่งคีย์เวิร์ดแบบนี้จะช่วยจำกัดกลุ่มลูกค้าที่แคบลงมาและตรงจุดกว่านั่นเอง 

  1. ใช้คีย์เวิร์ดอย่างมีประสิทธิภาพ

อีกหนึ่งจุดที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะถึงแม้จะเลือกใช้คีย์เวิร์ดได้ดีขนาดไหน แต่ถ้าไม่มีวิธีการนำเสนอข้อมูลที่เหมาะสมและถูกกล่าวถึงในเนื้อหาที่ดี จะไม่สามารถทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากตามที่ต้องการ ซึ่งจะถือได้ว่าการทำ SEO ไม่ประสบความสำเร็จนั่นเอง ดังนั้นการสร้างเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับคีย์เวิร์ดที่เลือกใช้และต้องตอบคำถามในใจของผู้ค้นหา นับเป็นหัวใจสำคัญในการทำ SEO เช่นกัน นอกจากนั้นยังต้องมีการอัพเดทเนื้อหาให้มีความทันสมัยและมีการเคลื่อนไหวอยู่เสมอ

จะเห็นว่าหากอยากทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพและมียอดการค้นหาปัง ๆ การใส่ใจเลือกคีย์เวิร์ดที่ดี ควบคู่ไปกับการจัดแต่งเว็บไซต์เพื่อรองรับการค้นหาจากลูกค้าบนโลกออนไลน์จัดเป็นกุญแจไปสู่เป้าหมายในการทำการตลาดออนไลน์ด้วย SEO ดังนั้นการจะตัดสินใจเลือกใช้คีย์เวิร์ดคำไหนต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบและคิดวิเคราะห์อย่างรอบด้าน อาจจะต้องลองจินตนาการ มองภาพการค้นหาในมุมของลูกค้าและอย่าลืมนำเทคนิคต่าง ๆ ที่ได้ศึกษาในวันนี้ไปประยุกต์ใช้

post

บอกเหตุผลสุดปังทำไมต้องทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหา

ไม่ว่าจะเป็นการทำเว็บไซต์ผลิตภัณฑ์หรือบริการประเภทใด การติดอันดับเว็บไซต์ต้น ๆ ในหน้าการค้นหาถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องด้วยมีประโยชน์หลากหลายอย่าง หลาย ๆ คนลงทุนกับโฆษณาในการโปรโมทเว็บไซต์เพื่อให้เว็บไซต์ได้ติดอันดับการค้นหาด้วยงบประมาณที่สูง เนื่องจากต้องการให้เว็บไซต์เป็นในทิศทางที่ต้องการ ตามไปดูกันว่าทำไม SEO จึงมีความสำคัญอย่างมากต่อแบรนด์และธุรกิจของคุณ 

  • การติดอันดับการค้นหาในหน้าการค้นหาต้น ๆ จากวิธีการที่มีการกดค้นหามาจากเว็บไซต์การค้นหาช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้ารับชมเว็บไซต์มากขึ้น เนื่องด้วยผู้คนมักจะกดเข้าไปรับชมเว็บไซต์ที่ขึ้นมาในหน้าการค้นหาต้น ๆ ก่อนแทนที่จะกดลำดับหน้าถัดไป ทำให้เว็บไซต์ได้ผ่านตาแก่กลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้นนั่นเอง
  • มากไปกว่านั้นการทำ SEO ยังช่วยในการเพิ่มยอดขายให้กับผลิตภัณฑ์และสินค้าที่วางจำหน่ายอยู่ในเว็บไซต์ของทางแบรนด์ นั่นก็เป็นเพราะว่าเมื่อมีการกดเข้ารับชมเว็บไซต์จากหน้าการค้นหาแล้ว ถ้าตัวเนื้อหาภายในเว็บไซต์มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภค โดยสามารถที่จะดึงดูดและตอบโจทย์ของผู้ที่เข้ามารับชมได้ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของสินค้าและบริการนั้น ๆ อยู่แล้วก็ทำให้เพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้น ทั้งนี้อย่างที่เราทราบกันดีว่าการทำ SEO จะมีการอัปเดตเนื้อหาข้อมูลภายในเว็บไซต์อยู่เสมอ รวมทั้งการใส่รูปภาพ วิดีโอที่มีความเกี่ยวข้อง สวยงามและน่าสนใจ เนื้อหาภายในเป็นเนื้อหาที่มีการเรียบเรียงและเขียนมาใหม่ซึ่งสอดคล้องกับคีย์เวิร์ดหรือคำสำคัญในการค้นหา จึงเป็นข้อดีอย่างมากเมื่อมีการกดเข้ามารับชมเว็บไซต์
  • ช่วยสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ข้อนี้ก็ถือเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ควรทำ SEO อย่างยิ่ง การที่แบรนด์เป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้นก็เป็นเสมือนการขยายฐานลูกค้าอย่างหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นการทำการตลาดที่มีความคุ้มค่ามาก ๆ แม้ว่าในการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการในครั้งแรกนั้นทางผู้บริโภคอาจไม่ได้เลือกซื้อสินค้าหรือบริการจากเว็บไซต์ของเราแต่เมื่อแบรนด์เป็นที่รู้จัก มีการพบเห็นอยู่บ่อยครั้งเมื่อกดค้นหาด้วยคำสำคัญในหน้าการค้นหา เมื่อจะมีการซื้อสินค้าหรือบริการในครั้งถัด ๆ ไป ก็จะเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการได้เช่นกัน 

ข้อมูลเกี่ยวกับ SEO ทั้งหมดข้างต้นถือเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญและเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำเว็บไซต์และเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ทุกคนคงทราบแล้วว่าทำไมการทำ SEO จึงมีความสำคัญ โดยถือเป็นจุดเริ่มต้นและวิธีการที่ดีมีประสิทธิภาพต่อเว็บไซต์ของคุณอย่างแท้จริง

post

ทำ SEO แล้วได้อะไร มือใหม่ต้องรู้

เมื่อจะเข้าสู่วงการขายสินค้าออนไลน์ คุณควรต้องเรียนรู้เรื่อง SEO หรือ search engine optimization เพื่อให้การทำธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ที่เราจะแนะนำดังนี้

1. ลดเวลาในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า

การเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายโดยเร็วเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณเป็นมือใหม่ในวงการออนไลน์ เมื่อเปิดเว็บไซต์ขึ้นมาแรก ๆ ก็ไม่มีใครรู้จัก หากไม่ทำตามหลักการ SEO ที่ Google แนะนำ คุณก็จะไม่สามารถสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ได้ในเวลาอันสั้น เพราะแทบจะไม่มีโอกาสเลยที่คนจะพิมพ์แล้วตรงกับสิ่งที่คุณใส่ในบทความของเว็บไซต์ตัวเอง ดังนั้นการทำ SEO จะทำให้เว็บไซต์คุณมีคนเข้ามาชมได้เร็วขึ้นในเวลาไม่กี่เดือน

2. ขายของได้มาก

เชื่อว่าคนที่ทำเว็บไซต์ทุกคนต้องการที่จะมีรายได้จากการทำเว็บไซต์ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ถ้าเป็นหน้าร้านขายสินค้าต่าง ๆ ก็ต้องการออเดอร์สินค้าทุกวัน ถ้าขายคอร์สสอนออนไลน์ ก็ต้องการให้คนรู้จักเข้ามาอ่านข้อมูลแล้วตัดสินใจสมัครเรียนไว ๆ ถ้าไม่มีลูกค้าเข้ามาในเว็บไซต์คุณเลยโอกาสในการขายสินค้าและบริการก็จะเท่ากับหายไปด้วย คุณจึงควรศึกษาการทำ SEO ตั้งแต่ต้นที่ทำเว็บไซต์ ทั้งจากคลิปวิดีโอสอนทำจากกูรูต่าง ๆ เพื่อจัดรูปแบบเว็บไซต์ทั้ง On-page และ Off -page SEO ให้เหมาะสม หรือจะจ้างบริษัทมืออาชีพในการทำ SEO ให้เว็บไซต์คุณก็ได้เช่นกัน

3. เข้าถึงลูกค้าต่างประเทศง่ายขึ้น

ถ้าคุณทำเว็บไซต์เป็นภาษาต่างประเทศเพื่อขายสินค้าให้ชาวต่างชาติ ก็มีโอกาสที่จะขายของได้มูลค่ามหาศาลตามไปด้วย ในอดีตหากคุณจะขายของให้คนต่างชาติก็ต้องนั่งเครื่องบินไปโปรโมต เสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากมาย แต่หากทำเว็บไซต์ตามหลัก SEO คุณก็ไม่ต้องเสียเงินในส่วนนี้เลย และยังมีโอกาสขายได้ตลอดเวลาเพราะเป็นการขายทางอินเทอร์เน็ตด้วย เรียกได้ว่าเข้าถึงลูกค้าได้ในทุกมุมโลกเพียงแค่มีระบบอินเทอร์เน็ตเชื่อมโยงกัน

4. ได้รับความเชื่อถือ

ความเชื่อถือของคุณมาจากการที่ใครก็ตามค้นหาในเว็บไซต์ Google ซึ่งเป็นแหล่งค้นหาข้อมูลอันดับหนึ่งของโลกแล้วเจอเว็บไซต์คุณทันที จะดีแค่ไหนถ้าเว็บไซต์ของคุณถูกพิมพ์หาด้วย keyword SEO แล้วอยู่ในอันดับที่ 1 หรือ 2 ตลอดเวลา เพราะนั่นแปลว่าคุณมีโอกาสได้รับความเชื่อถือจากลูกค้าในการสั่งสินค้าและบริการมากกว่าคนอื่น ๆ 

จะเห็นได้ว่า การทำ SEO ให้ประโยชน์แก่เว็บไซต์อย่างมากมาย คนที่เป็นมือใหม่ในวงการขายของออนไลน์จึงควรเริ่มต้นศึกษาไว้เสียแต่วันนี้ ไม่ว่าจะเรียนเพื่อทำเองหรือเพื่อให้เข้าใจระบบงานสำหรับการจ้างทำ SEO ก็ได้เช่นกัน แล้วคุณจะได้ผลกำไรที่ตอบกลับมาสู่ธุรกิจของคุณมากกว่าที่ลงทุนไปอย่างแน่นอน

post

SEO ทำแล้วได้อะไร 2022

SEO เป็นเทคนิคการตลาดออนไลน์ที่กูรูจำนวนมากแนะนำให้ผู้ที่สนใจธุรกิจออนไลน์ศึกษาอย่างเป็นระบบเพื่อให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว เรามาดูกันว่าหากทำ SEO ให้เว็บไซต์หลักจะได้อะไรบ้าง

1. ประหยัดค่าจ้างทำ SEO 

การทำ SEO เป็นเรื่องที่เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง เพียงอาศัยความขยันในการศึกษา keyword ด้วยเครื่องมือต่าง ๆ เขียน Content ที่มีคุณภาพ วิเคราะห์ให้ตรงตามหลัก SEO ทำซ้ำอย่างสม่ำเสมอเช่นนี้ ก็จะทำให้อันดับของเว็บไซต์ดีขึ้นได้ทุกวันโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจ้างใคร

2. ไม่ต้องเสียค่าโฆษณา

การโฆษณาต้องมีค่าใช้จ่ายให้แก่ Google โดยจะถูกตัดค่าใช้จ่ายแบบนับจำนวนการคลิก หรือที่เรียกว่า pay per click ซึ่งเงินค่าโฆษณาหมดงบประมาณที่ตั้งไว้เมื่อใดจากจำนวนการคลิกสะสมจนถึงระดับเพดาน ก็จะหยุดการโฆษณาเมื่อนั้น แต่การทำ SEO ไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ทุกเว็บไซต์ออนไลน์สามารถทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ตัวเองแล้วแข่งขันกันด้านคุณภาพเพื่อให้ได้อยู่ในอันดับต้น ๆ ได้ตลอดทั้งปี 

3. แข่งขันอย่างยุติธรรม

นักธุรกิจที่มีทุนน้อยอาจกังวลว่าจะสู้ยักษ์ใหญ่ในตลาดออนไลน์ได้อย่างไร ที่จริงแล้วไม่ต้องกังวลในส่วนนี้เลย เพราะการวิเคราะห์คุณภาพของเว็บไซต์ SEO นั้นเป็นไปโดยระบบ algorithm ของ Google ที่จะมาแวะเวียนเก็บข้อมูลในเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นระยะ หมดปัญหาอคติในการจัดอันดับเว็บไซต์ได้ ที่สำคัญ คือ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะอยู่ในอันดับด้านบนได้หากทำ SEO สายขาวตามหลักการของ Google ได้อย่างถูกวิธี

4. ทำให้ได้ลูกค้าประจำ

ไม่ว่าจะขายสินค้าหรือบริการชนิดใด หากมีลูกค้าประจำแล้วย่อมหมายถึงการมีโอกาสขายต่อเนื่องและถูกบอกต่อได้มากยิ่งขึ้น การทำ SEO ได้แก่ การจัดหมวดหมู่ของเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย เช่น ถ้าขายสินค้าหลายประเภทก็ต้องแยกเป็นหมวดเสื้อ กางเกง กระโปรง รองเท้า กระเป๋า พร้อมให้สาระความรู้เกี่ยวกับการเลือกสินค้าที่ดีมีคุณภาพ อันแสดงถึงความจริงใจและความรู้ของผู้ผลิตเนื้อหา ทำเช่นนี้ย่อมมีโอกาสขายสินค้าแก่ลูกค้าประจำและขยายฐานการตลาดให้กว้างขึ้นได้

5. เข้าถึงลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติตลอดเวลา

การทำ SEO นั้นให้ประโยชน์ในการเข้าถึงลูกค้าทั่วโลก ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ มีโอกาสที่จะมีผู้คลิกเข้ามาชมข้อมูลในเว็บไซต์ของคุณได้ตลอด 24 ชั่วโมง หากศึกษาคีย์เวิร์ด SEO ที่เหมาะสม ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ก็ย่อมมีโอกาสเข้าถึงลูกค้าอย่างไม่จำกัด

จะเห็นได้ว่าการทำ SEO นั้นให้ประโยชน์ทั้งด้านการพัฒนาเว็บไซต์จากระดับรากฐานให้แน่น สอดคล้องตามหลักการของ Google และยังสามารถขยายฐานลูกค้าให้กว้างยิ่งขึ้นได้ อันทำให้ธุรกิจมีความมั่นคงยิ่งขึ้น นักธุรกิจออนไลน์จึงควรเรียนรู้หลักการ SEO เพื่อการอยู่รอดของธุรกิจในทศวรรษหน้า

post

งงไหมจะใช้ SEO หรือ SEM?

เชื่อว่าผู้ประกอบการหลายท่านที่เป็นมือใหม่ในวงการตลาดออนไลน์ อาจมีความสงสัยว่า SEO กับ SEM คืออะไร แบบไหนจะดีกว่ากัน แล้วผู้ประกอบธุรกิจจะเลือกใช้อะไรดี จึงจะสามารถเพิ่มยอดขายให้ได้มากขึ้น วันนี้เรามาเรียนรู้ไปด้วยกันในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ 

1. ความหมาย

SEO (search engine optimization) หมายถึงการทำการตลาดออนไลน์ผ่านระบบปฏิบัติการค้นหาเพื่อให้ถูกจัดอันดับให้อยู่บนหน้าแรก (ในที่นี้หมายถึง google) โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินค่าโฆษณาให้ google ส่วน SEM (search engine marketing) ถือว่าเป็นวิธีการทำให้คนรู้จักเว็บไซต์เหมือนกันกับ SEO แต่แตกต่างกันตรงที่ต้องจ่ายค่าโฆษณา ส่วนสิ่งที่เหมือนกันของการนำ SEO และ SEM มาใช้ในการทำการตลาดคือทั้งสองอย่างจำเป็นต้องมี keyword (คำที่ใช้ค้นหา)

2. การวางแผน-เตรียมการ 

การทำ SEO จะมีความยุ่งยากมากกว่า SEM เพราะจะต้องมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ เรียกได้ว่าต้องเตรียมการตั้งแต่ก่อนลงมือทำเว็บไซต์เลยทีเดียว เพราะการทำ SEO ต้องมีการเขียนบทความโดยใช้ keyword ที่มีเนื้อหาเกี่ยวโยงสัมพันธ์กันซึ่งอาจต้องใช้หลายบทความและแต่ละบทความต้องสามารถลิงก์หากันได้อย่างลงตัว

หากท่านจินตนาการไม่ออกก็ลองคิดถึงภาพยนตร์จักรวาลทั้งหลายนั่นแหละ ที่โด่งดังที่สุดก็เห็นจะเป็นหนังจักรวาลของมาเวล  ไม่ทราบว่าเคยดูกันบ้างหรือเปล่า ทั้งเรื่องแย่งกันดีดนิ้วเพื่อลดจำนวนประชากร ส่วนการทำ SEM ไม่จำเป็นต้องใช้บทความมากมาย บางเว็บไซต์ใช้แค่บทความเดียว ขอแค่เป็นบทความที่ใช้ keyword ที่สื่อถึงสินค้าหรือบริการก็พอ 

ส่วนการซื้อโฆษณาบน google หรือ SEM จะใช้ระบบที่เรียกว่า pay per click คือการซื้อโฆษณาในรูปแบบที่มีการเรียกเก็บเงินตามจำนวนคลิก คนใช้งานคลิกมากก็จ่ายมาก ผ่านรูปแบบการประมูล keyword คำไหนที่มีคนใช้เยอะก็ต้องจ่ายแพง  เพื่อดันโฆษณาเว็บไซต์ให้ไปปรากฏบนหน้าแรกของ google

3. ระยะเห็นผล

SEO ต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานเพราะเป็นการทำการตลาดที่เรียกว่า organic ซึ่งเป็นศัพท์ทางการตลาดหมายถึงไม่ซื้อโฆษณานั่นเอง การทำ SEO ให้ได้ผลอาจต้องใช้เวลา 6 เดือนหรือมากกว่านั้น ส่วน SEM ใช้เวลาสั้นกว่ามาก หากต้องการความรวดเร็วคงต้องหันไปใช้ บริการ SEM 

4. ความยั่งยืน

SEO ทำครั้งเดียวจบสามารถอยู่บนหน้าหนึ่งของ google ได้ตลอดไปตราบเท่าที่ยังไม่มีคู่แข่ง ส่วนการทำ SEM เสียเปรียบตรงที่หากผู้ประกอบการรายใดต้องการอยู่บนหน้าหนึ่งต่อไปต้องจ่ายค่าโฆษณาเพิ่มหยุดจ่ายเมื่อไหร่ถูก google ดีดนิ้วหายไปจากหน้าหนึ่งทันที

หากจะให้ตัดสินว่า ระหว่าง SEO กับ SEM อันไหนดีกว่ากันคงตอบยาก เพราะสุดแล้วแต่ว่าผู้ประกอบการแต่ละรายจะวางกลยุทธ์ในการขายอย่างไร  ถ้าต้องการเห็นผลไวก็ต้องเลือก SEM แต่ถ้าต้องการประหยัดเน้นหวังผลระยะยาวก็ต้องเลือก SEO หรืออาจจะทำไปพร้อม ๆ กันก็ได้

post

5 เรื่องพื้นฐานควรรู้เกี่ยวกับ SEO

ทุกวันนี้ถ้าเราอยากจะรู้อะไรก็หาคำตอบได้ง่าย ๆ ด้วยการ Search พิมพ์ Keyword ที่เราต้องการค้นหา แค่นี้คำตอบก็ขึ้นมามากมาย ซึ่งเว็บไซต์ที่เราจะเลือกคลิกเข้าไปคืออันดับต้น ๆ ที่ปรากฏขึ้นมา นั่นแสดงว่ามีการทำ SEO มาดี แล้ว SEO คืออะไร เรามาหาคำตอบกัน

SEO (Search Engine Optimization) คือ การปรับปรุงเว็บไซต์ในด้านต่าง ๆ ให้ Search Engine ชอบ เพื่อที่จะได้ขึ้นไปอยู่ด้านบนสุดหรือระดับสายตาของการค้นหาอย่างใน Google, Bing, Yahoo ด้วยวิธีธรรมชาติของระบบโดยไม่ต้องเสียเงินโฆษณาหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ทำให้เพิ่มโอกาสให้คนเห็นและคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์เราได้เยอะขึ้น เพิ่มโอกาสการขายได้เพิ่มมากขึ้น

การจะทำ SEO นั้นก็มีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งเราสามารถทำได้ไม่ยากเกินไป แต่ต้องอาศัยการปรับปรุง พัฒนาสม่ำเสมอ และความพยายาม โดยมีหลักการพื้นฐาน 5 ข้อ ดังนี้

1.Keyword
Keyword ต้องตรงกับเนื้อหาของธุรกิจหรือเว็บไซต์ ไม่ใช่ว่ามีแต่ Keyword แต่ข้างในไม่เกี่ยวข้องกัน เราต้องคิดว่าเนื้อหานี้คนที่เข้ามาจะค้นหาด้วยคำว่าอะไรได้บ้าง เปรียบเสมือนเครื่องมือทางการตลาดอย่างหนึ่งที่เข้าถึงได้ง่าย รวดเร็ว แค่ต้องหยิบมาให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าเพื่อที่จะเป็นคลิกที่มีคุณภาพ

2.ปรับปรุงเว็บไซต์สม่ำเสมอ
ควรอัปเดทเนื้อหาให้ Search Engine ได้รับข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ ทันสมัยตลอดเวลาและในเว็บไซต์หรือเนื้อหาควรมีภาพประกอบเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ น่าติดตาม นอกจากนี้จะเพิ่มในส่วนของวิดีโอเข้าไปด้วยก็ยิ่งดี เพราะไม่ว่าจะภาพประกอบหรือวิดีโอก็สามารถขึ้นไปปรากฏเป็นผลลัพธ์การค้นหาของ Search Engine ได้อีกด้วย

3.ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์
ต้องดูน่าเชื่อถือตั้งแต่รูปแบบ โครงสร้าง สีสัน เนื้อหา ภาพประกอบ วิดีโอ ทุกอย่างต้องมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันอย่างมีคุณภาพ มีโอกาสมากที่คนจะนำ Link ของเว็บไซต์เราไปอ้างอิงถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งของการทำ SEO

4.ความเร็วของเนื้อหาที่ปรากฏ
ความเร็วของเว็บไซต์หรือที่เรียกว่า Page Speed ถ้าคลิกแล้วหน้าเว็ปแสดงผลให้เห็นเร็วมากเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะคนจะอยู่ได้นานเพื่ออ่าน ซึ่งมีผลกับ SEO อย่างมาก ถ้าคนคลิกเข้ามาแล้วโหลดหน้าเว็บนานจะออกจากเว็บไซต์เราทันทีและไปเลือกชมเว็บไซต์อื่นแทน

5.อ่านง่ายบนมือถือ
ปัจจุบันคนเราจับมือถือมากกว่าอยู่กับคอมพิวเตอร์กันแล้ว เราควรคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย เพราะยุคนี้สมัยนี้อะไรก็ต้องง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว การจัดรูปแบบ องค์ประกอบของหน้าเว็บไซต์ก็ควรดึงดูดความสนใจได้ตั้งแต่แรกเห็น มองได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยและหลักการอื่น ๆ อีกมากมายในการทำ SEO ที่ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่ทุกเว็บไซต์ที่ทำจะได้ขึ้นเป็นอันดับต้น ๆ หรืออยู่บนสุดในการค้นหา เนื่องจาก Search Engine ใช้ อัลกอริทึม (Algorithm) ในการจัดอันดับและให้คะแนนตามที่ได้กำหนดขึ้นมาในระบบ สิ่งสำคัญที่เราจะทำได้เอง ควบคุมได้เองไม่ต้องลุ้นกับระบบก็คือ การพัฒนา ปรับปรุงคุณภาพของเว็บไซต์เราอยู่ตลอดเวลาด้วยความใส่ใจที่เรามีต่อลูกค้า

post

5 สิ่งที่ควรทำ เมื่อต้องการสร้างเพจ facebook ให้ได้เงิน และผลทาง SEO

Facebook ถูกจัดอันดับให้เป็น Social media อันดับ 1 ของโลก (ข้อมูลอัปเดต ณ เดือนกรกฏาคม พ.ศ. 2564) เนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมากถึง 1.8 ล้านกว่าคน ทำให้ Facebook fanpage จึงเป็นช่องทางที่สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี เช่น ใช้เป็นพื้นที่แสดง Portfolio เพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาดูผลงานที่เคยผ่านมา ช่วยในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเจ้าของเพจ, โดยสิ่งที่ควรทำเมื่อต้องการสร้างเพจ Facebook เพื่อสร้างรายได้ และผลดีทาง SEO มีดังนี้

1.ตั้งเป้าหมายในการทำเพจให้ชัดเจน การสร้าง Facebook fanpage สามารถสร้างรายได้จากหลายช่องทาง เช่น การขายสินค้าหรือบริการ, การขายโฆษณา, การเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าให้กับผู้อื่น หรือการขายเพจที่มีจำนวนผู้ติดตามมากกว่า 1,000 คน ขึ้นไป เป็นต้น เพราะการตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนนั้นจะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการสร้างรายได้จากเพจได้มากกว่า

2.กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้าสู่เพจ การกำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็นปัจจัยที่ช่วยกำหนดทิศทางการทำเพจให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น เพจ “คิ้วต่ำ” เป็นเพจคำคม ที่ตั้งเป้าหมายในการสร้างคอนเทนต์เพื่อให้กำลังใจ โดยใช้ภาพการ์ตูนที่ดูสบายตา โทนสีอ่อนละมุนตาและนำสถานการณ์ปัจจุบันมาประยุกต์ให้เกิดคอนเทนต์ที่ทันสมัยถูกใจกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ช่วงอายุ 20 – 40 ปี เป็นต้น ซึ่งการมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน ก็ส่งผลดีต่อ SEO โดยตรง เพราะกลุ่มเป้าหมายเมื่อเข้ามาเพจแล้ว จะมีส่วนร่วมมากกว่ากลุ่มคนทั่วไปที่เพียงผ่านมาพบเห็น

3.กำหนดคาแรคเตอร์ของตัวเอง การกำหนดแนวทางของตัวเองให้มีความชัดเจน เช่น เพจคิ้วต่ำ เลือกใช้ภาษาวัยรุ่น ตัวการ์ตูนที่มีลายเส้นเรียบง่ายและสีสันสบายตา เป็นต้น ไม่เพียงแต่ทำให้เพจดูสวยงามเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เกิดภาพจำที่ช่วยให้เพจเป็นที่จดจำได้ดีกว่าด้วย

4.ศึกษาเพจประเภทเดียวกันที่มีผู้ติดตามเยอะ การหมั่นเข้าไปศึกษาเพจประเภทเดียวกันที่มีจำนวนผู้ติดตามเยอะจะช่วยในเรื่องการอัปเดตข้อมูลที่กลุ่มเป้าหมายกำลังให้ความสนใจเพื่อนำข้อมูลมาปรับใช้กับเพจและสร้างคอนเทนต์ที่มีความสดใหม่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่ติดตามเพจ ซึ่งการสร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายจะช่วยให้เกิดการตอบโต้ เช่น การกดไลก์ แชร์ หรือคอมเมนต์มากยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อ SEO โดยตรง

5.หมั่นลงคอนเทนต์อยู่เสมอ การหมั่นอัปเดตคอนเทนต์ลงเพจอยู่เสมอจะช่วยให้เกิดการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กดติดตามเพจได้เห็นคอนเทนต์ใหม่ ๆ ของเพจเป็นประจำ และได้คะแนน SEO ที่ดีด้วย เพราะบอทของ search engine จะประเมินว่ามีความเคลื่อนไหวและเนื้อหาใหม่ ๆ อยู่เสมอ

การสร้างรายได้จาก Facebook fanpage สามารถสร้างรายได้ต่อเดือนได้ตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักแสนบาทได้ แต่ผู้ทำเพจจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน หมั่นอัปเดตคอนเทนต์ที่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันและโพสต์คอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดการเข้าถึงและการติดตามเพจจากกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้

post

3 วิธีจัดการคอนเทนต์บทความแบบ SEO ให้ถูกใจ Google ยุค 2021

การทำคอนเทนต์ให้เป็นบทความแบบ SEO ที่จะสามารถนำพาเว็บไซต์หรือ Social ของคุณไปสู่อันดับต้น ๆ ของ Google ได้นั้นไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก เพียงแต่คุณต้องเข้าใจหลักการทำให้ถูกใจ Google ในยุค 2021 ที่มีการปรับเปลี่ยนการให้คะแนนเว็บไซต์ต่าง ๆ และคอนเทนต์จำนวนมากที่อยู่บนโลกออนไลน์ เพื่อที่จะสามารถดันคอนเทนต์นั้น ๆ ให้ตรงความต้องการของผู้ที่ค้นหามากที่สุด ซึ่งคุณสามารถใช้ 3 วิธีจัดการบทความในสไตล์ SEO ให้เข้าถึง Google ได้มากขึ้น ดังนี้

1.ทำให้มีคุณภาพ
เรื่องของคุณภาพถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก ไม่ว่าคุณจะทำเว็บไซต์หรือโซเชียลในด้านใดก็ตาม ถ้าคุณมีความรู้เฉพาะด้านที่ไม่ว่าจะเป็นแบบลงลึกหรือการอธิบายที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ผู้ที่ติดตามย่อมรู้สึกอยากอ่านเนื้อหาของคุณมากขึ้นแน่นอน ดังนั้นการเลือกผู้เขียนที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน หรือเป็นผู้เขียนที่มีความสามารถด้านการวางคีย์เวิร์ดและการเลือกใช้คีย์ที่เหมาะสมต่อเนื้อหาที่เขียน การใช้รูปภาพประกอบและสื่อต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงต่อบทความที่เขียนอยู่ได้ พร้อมการวางโครงสร้างตามแบบ SEO ได้แนบเนียน มีปริมาณเนื้อหาที่เหมาะสม เพียงเท่านี้บทความของคุณก็จะกลายเป็นกระแสที่ทำให้คนเข้ามาอ่านอย่างต่อเนื่อง พร้อมแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว จึงทำให้มีคนคลิกเข้าชมสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ และกลายมาเป็น Volume สูงบน Traffic ของเว็บไซต์ ที่จะผลักดันให้เว็บหรือเพจบน Facebook ของคุณขึ้นไปอยู่อันดับต้น ๆ ของ Google ได้ง่ายมากกว่าเดิม

2.ความยาวต้องเหมาะสม
การเขียนบทความแบบ SEO ในยุคนี้ จะมาในสไตล์ Long Form ที่สามารถอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับเนื้อหาที่คุณต้องการบอกต่อผู้อ่านได้อย่างครบถ้วนและสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งทาง Google ได้มีการวิเคราะห์แล้วว่าบทความจำนวน 2,000 คำขึ้นไปและสูงสุดที่ 3,000 คำ กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ยิ่งถ้าบทความนั้น ๆ มีการวางหัวข้อไว้อย่างเหมาะสม จัดเรียงเนื้อหาได้น่าอ่าน มีการจัดวางส่วนต่าง ๆ เพื่อให้อธิบายได้ชัดเจนมากขึ้น จะยิ่งถูกใจผู้อ่านและถูกใจ Google จนขึ้นไปเป็นอันดับ 1 ของหน้าแรก Google ได้ง่ายกว่าที่คาดคิด

3.มีความเป็น Original
บทความที่เป็น Original หรือเป็นต้นฉบับ เป็นการเขียนงานที่มีความสดใหม่ ถือเป็นงานที่เว็บไซต์หรือแฟนเพจยุคนี้ต้องการมากที่สุด เพราะการเขียนบทความที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบสดใหม่ จะยิ่งช่วยส่งเสริมให้ Google มองเห็นความสำคัญของเนื้อหานั้น ๆ แล้วผลักดันให้สู่หน้าแรกได้เร็วมากยิ่งขึ้น

การเลือกหานักเขียนที่มีชื่อเสียงหรือมีฝีมือด้านการทำงานบทความ จะมีความสำคัญอย่างมากต่อการทำ SEOคอนเทนต์ในรูปแบบของบทความของปี 2021 เพราะผู้ที่ Search หา Keyword ไม่ได้มองหาเพียงแค่คีย์ที่สนใจเท่านั้น แต่ยังมีการนำชื่อนักเขียนหรือผลงานของนักเขียนไป Search หาเพิ่มเติม ดังนั้นจึงกลายมาเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะทำให้คอนเทนต์บทความภายในเว็บของคุณอาจจะได้อานิสงส์คือ​ มียอดค้นหาและการคลิกเข้ามาอ่านเพิ่มมากขึ้น